นางสาววิไล ตันตินันท์ธนา ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์ภาษีสรรพสามิต กรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า กรมอยู่ระหว่างการพิจารณาเก็บภาษีสิ่งแวดล้อม กับสินค้าที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพเก็บภาษี นอกเหนือจากการแก้ไขกฎหมายของกรมที่ปรับเปลี่ยนการเก็บภาษีจากราคาหน้าโรงงานมาเป็นราคาขายปลีก ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของกระทรวงการคลัง เพื่อเสนอให้คณะรัฐมนตรี(ครม.)เห็นชอบในเร็วๆ นี้

นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กรมจัดเก็บภาษีจะต้องมีมาตรการเสริมเพื่อช่วยกระตุ้นการจัดเก็บภาษีให้ดีขึ้น โดยเฉพาะภาษีเงินได้นิติบุคคล ของกรมสรรพากร โดยอาจต้องอาศัยความร่วมมือของกรมศุลกากร เข้มงวดการแสดงรายการสินค้านำเข้า ให้เสียภาษีถูกต้อง รวมถึงการเข้มงวดกับผู้ตรวจสอบบัญชี ไม่ให้มีการตกแต่งบัญชี ซึ่งยอมรับว่าที่ผ่านมามีปัญหามาก ก็ต้องเร่งนำกฎหมายเข้าไปกำกับอย่างเคร่งครัด หากแก้ได้ก็จะช่วยเสริมรายได้นิติบุคคลให้ดีขึ้น

ด้านนายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า การจัดเก็บรายได้ในปีงบประมาณ 2558 ของกรมคาดว่าจะต่ำกว่าเป้าหมายประมาณ 1.6-1.7 แสนล้านบาท เนื่องจากภาษีมูลค่าเพิ่มจากการบริโภคยังขยายตัวได้ดี โดยภาพรวมการจัดเก็บรายได้ของกรมในช่วง 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2558 ยังต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 1.6 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้เฉพาะในเดือนม.ค.ต่ำกว่าเป้าหมายแล้ว 6,000 ล้านบาท มีสาเหตุหลักมาจาก ภาษีมูลค่าเพิ่มนำเข้าประมาณ 4,000 ล้านบาทต่อเดือน ที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับลดลง และภาษีเงินได้นิติบุคคลก็ยังไม่มี เพราะเป็นการเก็บจากผลประกอบการของปีก่อน ซึ่งไม่ดีตามทิศทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ภาษีนำเข้าเหล็กที่หายไปค่อนข้างมาก กลุ่มปิโตรเลียมที่ได้รับผลกระทบ และการยกเว้นภาษีการค้าระหว่างประเทศ เช่น เอฟทีเอ 800 รายการ เป็นต้น

นายประสงค์กล่าวอีกว่า สำหรับการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปี 2557 ผ่านระบบอินเตอร์เนต ในเดือนม.ค.มีผู้ยื่นแบบฯอยู่ที่ 9 แสนราย ในจำนวนดังกล่าว เป็นการยื่นแบบขอคืนภาษี จำนวน 1.9 แสนราย สูงกว่าช่วงเดียวกันเมื่อเทียบกับปีก่อนที่ยื่นขอคืน 1.7 แสนราย โดยกรมคาดว่า เมื่อสิ้นสุดการเปิดให้ยื่นแบบขอคืนภาษีในเดือนมี.ค. จะมีผู้ขอคืนภาษีมากกว่าปีที่ผ่านมา แต่มูลค่าการขอคืนภาษีจะยังใกล้เคียงกัน