นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่าช่วง 3-4 ปีจากนี้ ธนาคารวางเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนการเติบโตของกำไรเฉลี่ยปีละ 10% หรือประมาณ 3 หมื่นล้านบาท จากปี 2558 ที่ตั้งเป้าหมายมีกำไรอยู่ที่ 2.1 หมื่นล้านบาท ส่วนหนึ่งจะเป็นผลมาจากการปรับเพิ่มรายได้จากค่าธรรมเนียมซึ่งจะเข้ามาทดแทนรายได้จากดอกเบี้ยรับ รวมถึงการพยายามลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในส่วนต่างๆ ที่ไม่จำเป็น เชื่อว่าปัจจัยดังกล่าวจะเข้ามาช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานของธนาคารให้เติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ ธนาคารได้มีการวางเป้าหมายแนวทางในการหารายได้จากค่าธรรมเนียมในระยะต่อไปเพิ่มขึ้นเป็น 7-8% จากปัจจุบันอยู่ที่ 5-6% หรือ 4,000-5,000 ล้านบาท จากภาพรวมรายได้กว่า 94-95% เป็นรายได้ที่มาจากดอกเบี้ยรับ

“เราวางแผนว่าจะเพิ่มผลิตภัณฑ์ทางการเงินให้ครบวงจรมากขึ้น ซึ่งจะช่วยตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น โดยเฉพาะการเพิ่มการให้บริการผ่านบัตรเดบิต ที่ปัจจุบันมีลูกค้าใช้บริการอยู่ราว 6 ล้านใบ จากลูกค้าเงินฝากกว่า 20 ล้านคน ซึ่งในส่วนนี้จะพยายามปรับเพิ่มสัดส่วนผู้ใช้บริการบัตรเดบิตอีกราว 3-5 ล้านใบ หรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 1 ล้านใบ” นายชาติชาย กล่าว

สำหรับภาพรวมการปล่อยสินเชื่อช่วง 3 เดือนแรก ของปี 2558 อยู่ที่ 1.77 ล้านล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงปลายปีก่อน ขณะที่เงินฝากอยู่ที่ 1.9 ล้านล้านบาท อยู่ในระดับทรงตัว เนื่องจากธนาคารยังไม่มีการออกผลิตภัณฑ์มากระตุ้นการออม ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล) อยู่ที่ 1.7-1.8% และทั้งปีจะไม่ให้เกิน 1.7% โดยมอบนโยบายไปยังสาขาและเขต ให้ติดตามดูแลลูกหนี้อย่างใกล้ชิด และหลังจากนี้จะหารือกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.) เพื่อปรับเป้าหมายการดำเนินงานของธนาคารในปีนี้หรือไม่ จากเดิมตั้งเป้าโต 6% ภายใต้จีดีพีขยายตัว 4% แต่ขณะนี้คาดว่าจีดีพีจะขยายตัวได้ 2.8-3% เท่านั้น

ในส่วนของการปล่อยสินเชื่อเพื่อสนับสนุนกองทุนหมู่บ้าน วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท ที่ได้ปล่อยสินเชื่อร่วมกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) แห่งละ 2 หมื่นล้านบาทนั้น ถือเป็นการสนับสนุนและต่อยอดให้ประชาชนฐานรากสามารถนำเงินไปใช้ในการประกอบอาชีพต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาธนาคารได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยหนี้เอ็นพีแอลในส่วนนี้ยังอยู่ระดับต่ำกว่า 1% จึงไม่น่ากังวล เนื่องจากธนาคารมีการพัฒนาและให้ความรู้ในการบริหารจัดการเงินในระดับชุมชนอย่างต่อเนื่อง