nn ช่วงนี้ “แนวหน้าโลกธุรกิจ” ยังเกาะติดเรื่องของอุตสาหกรรมเหล็กของไทยต่อเนื่อง..วานนี้ “หมุนตามทุน” ว่าไปด้วยเรื่องเหล็กจากเตาอินดักชั่น...วันนี้ “โลกการค้า” ขอว่าด้วยเรื่องเหล็กนำเข้าที่ทุ่มตลาดเหล็กของไทยอยู่ตอนนี้...หลังจากผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเหล็กของไทยได้ออกมายื่นคำร้อง..ต่อคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ให้พิจารณาเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษ หรือเซอร์ชาร์จผลิตภัณฑ์เหล็กนำเข้า...ก็มีผู้กล่าวอ้างว่าประเทศไทยมีการใช้มาตรการทางการค้าเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมเหล็กภายในประเทศมาแล้ว....!!เอาอย่างนี้โลกการค้ามีข้อมูลบางเรื่องจะมาเล่าให้ฟัง...ประเทศไทยมีการใช้เหล็กสูงสุดในอาเซียนถึง 18 ล้านตันต่อปี และนำเข้าเหล็กมากที่สุดเป็นอันดับ 5 ของโลก, และเป็นอันดับ 2 ในเอเชีย....โดยเงินตราของประเทศไทยไหลออก เนื่องจากการนำเข้าเหล็ก เป็นมูลค่ามหาศาลกว่า 6 แสนล้านบาทต่อปี.... ทั้งนี้ หากคิดเป็นปริมาณนำเข้าเหล็กสุทธิ (ปริมาณนำเข้าเหล็ก-ปริมาณส่งออกเหล็ก) ของประเทศไทย ปรากฏว่าประเทศไทยต้องพึ่งพานำเข้าเหล็กสุทธิมากสุดเป็นอันดับสองของโลก คือ 17.8 ล้านตันต่อปี... ซึ่งน้อยกว่าอันดับหนึ่งคืออเมริกาเพียง 3.4 ล้านตันเท่านั้น....หากเปรียบเทียบขนาดของเศรษฐกิจและจำนวนประชากรแล้ว ประเทศไทยเรากลับเป็นประเทศกำลังพัฒนาที่ต้องพึ่งพาการนำเข้าเหล็กจากต่างประเทศสูงสุดในโลก ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงและจุดอ่อนต่อความมั่นคงแห่งชาติด้านเศรษฐกิจ.... ยิ่งในสถานการณ์จำเป็น หรือเหตุฉุกเฉินแล้ว หากประเทศไทยอยู่ในสภาพต้องพึ่งพาการนำเข้าเหล็กจากต่างประเทศ ปัญหาจะยิ่งมีความรุนแรงและยากแก้ไขได้...!! จริงแล้วถามว่าไทยจำเป็นต้องพึ่งเหล็กนำเข้ามากมายขนาดนั้นหรือเปล่า...ก็น่าจะตอบได้ว่าไม่จำเป็นเพราะผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเหล็กของไทยที่มีอยู่สามารถผลิตได้สูงถึง 30 ล้านตันต่อปี...แต่ด้วยเหตุที่ต้องเจอภาวะแรงกดดันจากเหล็กนำเข้าที่มีราคาถูกกว่ามาก (ซึ่งก็มาจากหลายปัจจัย...(ทั้งการสนับสนุนด้านภาษีจากต้นทาง การหาช่องเลี่ยงอากรนำเข้า)...ทำให้ผู้ผลิตเหล็กของไทยไม่สามารถใช้กำลังการผลิตได้เต็มประสิทธิภาพ...คือผลิตมามากก็ยิ่งเจ๊งมาก...โลกการค้า..จำได้ตอนนี้ที่รัฐบาลต้องการกดดันให้ไทยก้าวสู่ประเทศอุตสาหกรรม...มีการส่งเสริมให้นักลงทุนไทยหันมาลงทุนอุตสาหกรรมเหล็ก...จูงใจด้วยสิทธิพิเศษทางภาษีมากมาย ใช้มาตรการปกป้องผู้ประกอบการในระดับหนึ่ง...จนเรียกได้ว่าตอนนี้นักลงทุนไทยที่เชื่อและทำตามรัฐบาล..โดดเข้ามาในอุตสาหกรรมเหล็กอย่างเต็มตัวแล้ว...แล้วมาถึงวันนี้รัฐบาลจะลอยแพพวกเขาก็คงจะไม่ถูกต้องนัก...มันจะเข้าตำรา....เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล..วันหน้าเอกชนรายไหนจะเชื่อใจรัฐบาลได้อีกล่ะ.....nn

อนันตเดช  พงษ์พันธุ์