นายโสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บริษัท เอเจนซี่ฟอร์เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด หรือ AREA เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2558 ยังคงมีอัตราการเติบโต โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ซึ่งข้อมูลล่าสุดพบว่าในปี 2558 กรุงเทพฯและปริมณฑลมีสัดส่วนการขายที่อยู่อาศัยสูงถึง 50% ของ
ทั้งประเทศ
อย่างไรก็ตามการพัฒนาที่น่าสนใจ คือ ชายฝั่งทะเลตะวันออก ซึ่งผนวกรวมกับเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล โดยเฉพาะบางส่วนของฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง ทำให้กลายเป็นอภิมหานาคร (Urban Field หรือ Megalopolis) ในอนาคต และจากข้อมูลยังพบอีกว่า สินค้าที่อยู่อาศัยในไทยได้รับความสนใจจากชาวต่างชาติ 13% ของสินค้าทั้งหมด ซึ่งนับว่าเป็นจำนวนที่ไม่น้อย แต่ไทยเป็นเพียงหนึ่งใน 3 ประเทศในอาเซียน (อีก 2 ประเทศคือ บรูไน และเมียนมา) ที่ยังไม่มีกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
ทั้งนี้ภาพรวมการสำรวจในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลล่าสุด พบว่ามีโครงการที่อยู่อาศัยจำนวน 488,026 หน่วย (ยูนิต) รวมมูลค่าประมาณ 1,646,767 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นห้องชุดมากที่สุดถึง 51% รองลงมาเป็นทาวน์เฮ้าส์ 23% บ้านเดี่ยว 19% และอื่นๆ ได้แก่ บ้านแฝด ตึกแถว และที่ดินจัดสรร 7% และสินค้าหลักทั่วประเทศยังเป็นห้องชุด และในหลายพื้นที่ห้องชุดเพิ่มขึ้นสูงสุด เช่น พื้นที่แถบชายฝั่งทะเล พัทยา ภูเก็ต เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มียูนิตเหลือขายในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล 178,641ยูนิต ซึ่งตัวเลขยูนิตรอขายนี้เพิ่มขึ้นมาโดยตลอดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังเพิ่มขึ้นไม่มากนัก เพราะปริมาณบ้านในกรุงเทพฯมีประมาณ 4.8 ล้านยูนิต หรือ 3.7% ของทั้งหมด ในห้วงวิกฤติปี 2540-2542 มีสัดส่วนสูงถึง 5% ดังนั้นขณะนี้แม้ยังไม่ถึงขั้นวิกฤติ แต่ก็มีแนวโน้มสู่วิกฤติได้ในอนาคต ซึ่งอาจเกิดขึ้นในอีก 2-3 ปีข้างหน้า หากไม่มีการแก้ไข
นายโสภณกล่าวว่า ถ้าประเมินภาพรวมจะพบว่าปี 2558 มีสินค้าเกิดใหม่น้อยกว่าปี 2557 เพียง 1% แต่ในแง่ของมูลค่าจะสูงกว่า 30% ซึ่งสิ่งนี้เป็นแค่ภาพลวงตา เพราะเมื่อแยกให้เห็นสินค้าที่มีราคาเกิน 10 ล้านบาทขึ้นไป จะพบว่าเพิ่มขึ้นถึง 161% คือ จากปี 2557 ที่มี 2,355 ยูนิต ในปี 2558 เพิ่มเป็น 6,154 ยูนิต ส่วนสินค้าที่อยู่อาศัยรวมทุกประเภทในปี 2558 อาจสูงถึง 140,060 ยูนิต เพิ่มขึ้น 281%
ทั้งนี้สินค้าอีกกลุ่มหนึ่งที่เกิดใหม่ในปี 2558 สูงกว่าปี 2557 คือ สินค้าราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท โดยเฉพาะห้องชุดพบว่ามีห้องชุดในระดับราคานี้ในปี 2557จำนวน 10,385 ยูนิต ในปี2558 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 18,876 ยูนิต หรือเพิ่มขึ้น82% ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงมากในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ปรากฏการณ์นี้ชี้ให้เห็นว่า สินค้าที่ยังขายดี คือ สินค้าราคาเกิน 10 ล้านบาท ที่กลุ่มลูกค้าหลักเป็นผู้ที่มีรายได้สูง เพราะแม้เศรษฐกิจจะตกต่ำ แต่ก็ไม่ได้กระทบต่อผู้บริโภคกลุ่มนี้ และขายได้ดีในทุกทำเล ขณะนี้สินค้าที่มีราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ที่เจาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย รวมถึงผู้มีรายได้สูงที่ซื้อไว้เก็งกำไร ปรากฏว่าขายได้ดีในบางทำเลเท่านั้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี