8 ธ.ค.59 มีรายงานข่าวแจ้งว่า สืบเนื่องจากที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) มีประกาศเลขที่ คน.1/213/2558 ลงวันที่ 15 มิ.ย.2558 เรื่อง การสรรหาเอกชนเพื่อร่วมลงทุนเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (IED) ที่ลาดกระบัง โดยให้เอกชนที่สนใจซื้อเอกสารยื่นข้อเสนอร่วมลงทุนได้ตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย. - 14 ส.ค.2558 และผู้ที่ผ่านการคัดเลือกจะต้องเข้ามายื่นข้อเสนอกับ ร.ฟ.ท.ในวันที่ 15 ก.ย.2558 แต่กลับมีผู้ไปร้องต่อศาลปกครอง จนศาลปกครองกลางมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว เมื่อ 14 ก.ย.2558 ทำให้กระบวนการต่างๆ ต้องหยุดไว้ก่อนทั้งหมด
ต่อมา 24 มี.ค.2559 ศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งยกเลิกการคุ้มครอง และ ร.ฟ.ท.กำหนดวันยื่นซองใหม่ ในวันที่ 16 พ.ค.2559 ในขณะนั้นมีเอกชนเข้าร่วม 3 ราย คือ 1.บริษัท คอนเทนเนอร์ ดีโป้ กรุงเทพ จำกัด 2.กิจการร่วมค้า อาร์ ซี แอล แอนด์ แอทโซซิเอทส์ 3.กิจการร่วมค้า เอ แอล จี (ประเทศไทย) จากนั้นมีการประกาศผล ในวันที่ 8 มิ.ย.2559 ทั้ง 3 บริษัทผ่านเกณฑ์แรกจาก 3 หลักเกณฑ์ คือ 1.คุณสมบัติของผู้ยื่นข้อเสนอ และจะกำหนดวันประกาศผู้ผ่านหลักเกณฑ์ในข้อ 2.ข้อเสนอด้านเทคนิค และข้อ 3.ข้อเสนอการคิดอัตราค่าบริการเรียกเก็บจากผู้ใช้บริการ ต่อไป
โดยหลักเกณฑ์ข้อที่ 2 จะมีการพิจารณาเปิดซอง ในวันที่ 14 มิ.ย.2559 และประกาศผล ในวันที่ 30 มิ.ย.2559 แต่เมื่อถึงวันที่ 28 มิ.ย.2559 ร.ฟ.ท.กลับมีประกาศเลื่อนออกไป ด้วยเหตุผลว่าเอกสารมีเป็นจำนวนมากไม่อาจพิจารณาได้ทัน โดยเลื่อนไปเป็นวันที่ 2 ก.ย.2559 จากนั้นก็ยังมีประกาศเลื่อนออกมาอีกในวันที่ 29 ส.ค.2559 ด้วยเหตุผลว่าต้องขอให้สำนักงานคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจ (สคร.) วินิจฉัยข้อกฎหมายให้ชัดเจนก่อน โดยทาง ร.ฟ.ท.ได้ส่งหนังสือถึง สคร.ในวันที่ 19 ก.ย.2559 ให้พิจารณาใน 3 ประเด็น คือ
1.ถ้ามีเอกชนผ่านหลักเกณฑ์ข้อ 2 (ข้อเสนอด้านเทคนิค) เพียงรายเดียว จะถือว่าเข้าข่ายมีผู้เสนอรายเดียวตาม พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ.2556 มาตรา 39 หรือไม่ 2.หลักเกณฑ์ที่ ร.ฟ.ท.ตั้ง อันมีสาระสำคัญคือให้เอกชนชำระผลตอบแทนต่อ ร.ฟ.ท.ในอัตราคงที่โดยปรับเพิ่มทุก 5 ปีตลอดอายุสัญญา และจะคัดเลือกจากเอกชนที่คิดค่าบริการจากผู้ใช้บริการต่ำที่สุด อันจะทำให้ได้ประโยชน์ทั้งกับรัฐและผู้ใช้บริการ แทนที่จะเน้นการให้เอกชนเสมอผลตอบแทนสูงสุดกับรัฐเป็นหลัก
จะเข้าข่ายเงื่อนไขข้อ 4.(8) ของประกาศสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ เรื่อง รายละเอียดประกาศเชิญชวนเอกสารข้อเสนอการร่วมทุน วิธีการประกาศเชิญชวน วิธีการคัดเลือกของคณะกรรมการคัดเลือก การกำหนดหลักประกันซองและหลักประกันสัญญา พ.ศ.2558 หรือไม่ และ 3.หากมีผู้ผ่านหลักเกณฑ์ข้อ 2 (ข้อเสนอด้านเทคนิค) เพียงรายเดียว ยังสามารถพิจารณาประเด็นที่ว่ารัฐจะได้ประโยชน์ตาม พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ.2556 มาตรา 39 ได้อีกหรือไม่ ถ้าสามารถพิจารณาได้ควรพิจารณาหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกอย่างไร
เดือน ต.ค.2559 สคร.มีหนังสือตอบใน 3 ประเด็นดังกล่าว ว่า 1.ไม่ว่ามีผู้เสนอเพียงรายเดียวหรือหลายรายก็ตาม ให้พิจารณาว่าผู้ยื่นข้อเสนอมีเอกสารถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ หากถูกต้องครบถ้วนและคณะกรรมการคัดเลือกเห็นว่ารัฐจะได้ประโยชน์ก็สามารถดำเนินการต่อไปได้
2.คณะกรรมการคัดเลือกฯ มีอำนาจหน้าที่ตามมาตรา 36 (1) แห่ง พ.ร.บ.ร่วมลงทุนฯ ปี 2556 ในการพิจารณาหลักเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือกข้อเสนอในแง่ของผลประโยชน์ที่รัฐจะได้รับทั้งในรูปของตัวเงินและประโยชน์อื่นๆ ให้มีความสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ในประกาศ สคร. อนึ่งคณะกรรมการคัดเลือกฯ ควรมุ่งเน้นให้การดำเนินโครงการดังกล่าวเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2556 ด้วย และ 3.ในกรณีมีผู้ผ่านการพิจารณาเพียงรายเดียว สคร.ก็ให้หลักเกณฑ์พิจารณาไว้ข้างต้น
แต่จนบัดนี้ ทาง ร.ฟ.ท.ก็ยังไม่มีความคืบหน้าว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ขณะที่กลับมีรายงานว่า โครงการดังกล่าว มีความพยายามวิ่งเต้นจากเอกชนทุกวิถีทางเพื่อให้เป็นผู้ชนะได้รับคัดเลือกจาก ร.ฟ.ท.โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่า เนื้อหาในหนังสือที่ ร.ฟ.ท.ส่งถึง สคร.นั้น คณะกรรมการคัดเลือกฯ อาจจะเสนอให้มีผู้ผ่านเกณฑ์ด้านเทคนิคเพียงรายเดียว และให้ถือว่าเป็นผู้ชนะการยื่นซองในโครงการนี้ทันที โดยไม่คำนึงถึงข้อเสนอการคิดอัตราค่าบริการเรียกเก็บจากผู้ใช้บริการ ที่จะเป็นประโยชน์แก่ส่วนร่วมที่ประเทศชาติจะได้รับในอนาคตหรือไม่?:
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี