ผลกระทบจากฟ้าผ่าโรงแยกก๊าซฯหน่วยที่ 5 ของ “ปตท.”ส่งผลให้ก๊าซแอลพีจี หายจากระบบ 7-7.5 หมื่นตันต่อเดือน เล็งนำเข้าเพิ่ม

นายชายน้อย เผื่อนโกสุม กรรมการ สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน ผู้อำนวยการสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2556 ที่ผ่านมา ได้มีการหารือกับกลุ่มโรงกลั่นน้ำมันเพื่อที่จะหาแนวทางในการผลิตก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี) เพิ่มขึ้นหลังจากเกิดเหตุโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 5 ของ บริษัทปตท.จำกัด (มหาชน) ที่จ.ระยองเกิดฟ้าผ่าทำให้การผลิตต้องหยุด 3-5 เดือน และ แอลพีจี หายไปถึง 7-7.5 หมื่นตันต่อเดือน

โดยเหตุฟ้าผ่าดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 00.34 น. ของวันที่ 14 สิงหาคม 2556 ได้เกิดเหตุฟ้าคะนองและฝนตกหนักในจ.ระยอง และมีอุบัติเหตุฟ้าผ่าที่อุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อนจากไอเสียเครื่องยนต์ (Waste Heat Recovery Unit, WHRU) ของโรงแยกก๊าซธรรมชาติระยอง หน่วยที่ 5 ทำให้ได้รับความเสียหาย ส่งผลให้โรงแยกก๊าซฯ หน่วยที่ 5 ไม่สามารถเดินเครื่องได้

นายชายน้อยกล่าวว่า ในเบื้องต้นได้มอบให้โรงกลั่นหาดูรายละเอียดถึงความเป็นไปได้ในการผลิตแอลพีจีให้กับภาคครัวเรือน ขนส่งและอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น และต้องมีการนำเข้าส่วนหนึ่ง ซึ่งยอมรับว่าก็คงจะกระทบต่อฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่จะต้องจ่ายการนำเข้าเพิ่มขึ้นแต่จะเป็นเงินเท่าใดก็จะต้องมาดูก่อนรวมถึงปริมาณที่ชัดเจน โดยขณะนี้ราคาแอลพีจีตลาดโลกเฉลี่ยอยู่ที่ 835 เหรียญสหรัฐต่อตัน” นายชายน้อยกล่าว

ด้าน นายสุรงค์ บูลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในวันที่ 19 สิงหาคม 2556 นี้ ทางโรงกลั่นจะหารือพิจารณาแนวทางรับมือว่าจะสามารถทำได้มากน้อยเพียงใด ส่วนกรณีความเสียหายขณะนี้อยู่ระหว่างการประเมินแต่ได้มีการทำประกันภัยไว้น่าจะครอบคลุมวงเงินได้ทั้งหมด

นายวีระพล จิรประดิษฐกุล อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กล่าวว่า ปตท. ได้แจ้งว่าแอลพีจีจะหายไปราว 7 หมื่นตันต่อเดือน คาดว่าจะต้องนำเข้าแอลพีจี 4 หมื่นตัน โดยการนำเข้าจะมีการนำเรือที่เป็นคลังแอลพีจี (floating LPG) มาเพิ่มอีก 1 ลำ ในเดือนสิงหาคม จากเดิม ปตท. มีการนำเข้าแอลพีจี 1.4 แสนตันอยู่แล้ว จึงทำให้การนำเข้าจะเพิ่มเป็น 1.8 แสนตัน ซึ่งถือเป็นอัตราที่กลับมาสูงอีกครั้ง ขณะที่ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.พลังงาน กำชับว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นต้องไม่ให้ประชาชนที่ใช้แอลพีจีเดือดร้อน

ในวันเดียวกัน นายสมนึก บำรุงสาลี รองอธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยว่า ได้ประชุมเตรียมความพร้อมการปรับขึ้นราคาก๊าซแอลพีจี ในวันที่ 1 กันยายน 2556 นี้ ในประเด็นการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย โดยได้หารือกับผู้ค้ามาตรา 7 และร้านค้าก๊าซแอลพีจี 
เพื่อเตรียมความพร้อมในการให้สิทธิ์ผู้มีรายได้น้อยซื้อก๊าซแอลพีจีราคาเดิมแล้ว