คณะรักษาความสงบแห่งชาติภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก หัวหน้าคสช.ต้องหนักแน่นอย่าไปเกร็งจนเกินเหตุกรณีตีกลับร่างธรรมนูญการปกครองชั่วคราวที่ ดร.วิษณุ เครืองาม เนติบริกรได้รับมอบหมายให้ไปยกร่างซึ่งตามข่าวนัยว่า การทบทวนร่างธรรมนูญการปกครองชั่วคราวเพราะเกรงจะเกิดปัญหาอำนาจทับซ้อนระหว่างคสช.กับรัฐบาลเฉพาะกาลที่จะตั้งขึ้น
การรัฐประหารในตัวมันเองก็บ่งชี้อยู่แล้วว่าเป็นการยึดอำนาจการปกครองประเทศภายใต้สถานการณ์ไม่ปกติซึ่งคณะผู้ก่อรัฐประหารถือว่าคุมรัฏฐาธิปัตย์อย่างถูกต้องตามกฏหมายโดยมีคำพิพากษาของศาลฏีกาในอดีตรับรองอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น คสช.ก็ไม่ต้องเกรงกระแสต่อต้านหากจะกำหนดไว้ในธรรมนูญการปกครองชั่วคราวให้อำนาจคสช.มีอำนาจเทียบเท่าหรือเหนือรัฐบาลเฉพาะกาลที่จะตั้งขึ้น
แต่ที่สำคัญก็คือการรัฐประหารล้มระบอบทักษิณเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2549 ภายใต้การนำของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หรือ “บิ๊กบัง” น่าจะสอนบทเรียนแก่คสช.ว่าอย่าเดินซ้ำรอยความผิดพลาดของรัฐประหารในอดีตอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่รัฐประหาร 19 ก.ย.2549 เลินเล่อไม่บัญญัติในธรรมนูญการปกครองชั่วคราวให้อำนาจคณะรัฐประหารเทียบเท่าหรือเหนือกว่ารัฐบาลเฉพาะกาล ซึ่งผลที่ตามมาก็คือเกิดการงัดข้อปีนเกลียวระหว่าง “บิ๊กบัง” กับ พล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ นายกฯเฉพาะกาล ขณะนั้นทำให้รัฐประหาร 19 ก.ย.2549 ถูกตั้งข้อสังเกตุว่าเป็นรัฐประหารเสียของเพราะไม่สามารถขุดรากถอนโคนซ้ำทำให้ระบอบทักษิณเติบโตกล้าแข็งคืนชีพกลับมีอำนาจยึดครองประเทศได้อีกในเวลาต่อมา
การที่ไม่ได้กำหนดให้อำนาจคณะรัฐประหารเทียบเท่ารัฐบาลเฉพาะกาลอย่างชัดเจนทำให้ “บิ๊กบัง”อยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกไม่สามารถปลด พล.อ.สุรยุทธ์ พ้นจากตำแหน่ง
ความผิดพลาดของ”บิ๊กบัง”อีกอย่างหนึ่งคือกลัวข้อครหาว่ารัฐประหารเพื่อตัวเองเลยไม่กล้านั่งเก้าอี้นายกฯเอง จึงทาบทามให้ พล.อ.สุรยุทธ์ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาเก่าตั้งแต่เมื่อครั้ง พล.อ.สุรยุทธ์ เป็นผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการศูนย์สงครามพิเศษหรือพลร่มป่าหวายมานั่งเก้าอี้นายกฯเฉพาะกาล ซึ่งเมื่อ พล.อ.สุรยุทธ์ ทำงานล่าช้าหน่อมแน้มจนได้ฉายาว่าเป็นรัฐบาลฤาษีเลี้ยงเต่า
ซึ่งแม้ “บิ๊กบัง” รู้สึกอึดอัด แต่ก็จำต้องกล้ำกลืนเพราะตัวเองเป็นผู้เชื้อเชิญนายเก่า และ ครั้นจะใช้กำลังก่อรัฐประหารซ้ำก็เกรงปัญหาจะบานปลายจำต้องปล่อยให้เลยตามเลยจนคณะรัฐประหาร 19 ก.ย.2549 หมดอำนาจมีการเลือกตั่วทั่วไปครั้งใหม่ พรรคระบอบทักษิณก็ชนะการเลือกตั้งท่วมท้นกลับมามีอำนาจทำร้ายประเทศอีกหลายปีจนเกิดรัฐประหารโดยคสช.เมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา
ฉะนั้นไหนๆก็ไหนๆคสช.อย่าเหนียมและต้องไม่เดินซ้ำรอยรัฐประหาร 19 ก.ย.2549 เพราะประเทศอยู่ในช่วงสถานการณ์หัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญที่ยังไม่น่าไว่วางใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งระบอบทักษิณยังมีความพยายามทำทุกวิถีทางทั้งบนดินและใต้ดินรวมทั้งการใช้กองกำลังติดอาวุธเพื่อชิงอำนาจรัฐ ดังนั้นคสช.ต้องคุมอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเพื่อเป็นหลักประกันในการควบคุมสถานการณ์และขจัดความเสี่ยง ไม่อย่างนั้นรัฐประหารเพื่อปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่อาจเสียของและระบอบธุรกิจการเมืองทุนสามานย์อันชั่วร้ายรวมทั้งขบวนการที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติและสถาบันเบื้องสูงมีหวังกลับมาแน่
ทีมข่าวการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี