กำลังกลายเป็นเรื่องใหญ่และมีพิรุธน่าสงสัยท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์สำหรับการจุดกระแสวิกฤติไฟฟ้าจนต้องประกาศภาวะฉุกเฉินถึงขั้นอาจต้องดับไฟครึ่งประเทศของนายพงษ์ศักดิ์รักตพงศ์ไพศาล รมว.พลังงานที่อ้างแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในพม่าซึ่งป้อนน้ำมันและก๊าซธรรมชาติให้ไทยหยุดเดินเครื่องเพื่อซ่อมช่วงต้นเดือนเม.ย.นี้
นายอลงกรณ์ พลบุตร สส.พรรคประชาธิปัตย์ ถึงกับต้องยื่นกระทู้ด่วนถาม รมว.พลังงาน กลางสภา เพราะสงสัยว่าเป็นการสร้างกระแสเพื่อเป็นข้ออ้างขึ้นค่าก๊าซและค่ากระแสไฟฟ้าหรือไม่ รวมทั้งอาจมีเรื่องผลประโยชน์แอบแฝง พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าความจริงแท่นขุดเจาะน้ำมันในพม่าปิดซ่อมเป็นประจำทุกปีอยู่แล้ว ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่เห็นมีปัญหาถึงกับต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน
หลังถูกซักถามอย่างหนักในที่สุด รมว.พลังงานซึ่งเป็นคนสนิทของผู้มีบารมีเหนือรัฐบาลหุ่นเชิดชุดนี้ก็แบไต๋ยอมรับว่าอาจจำเป็นต้องขึ้นค่าก๊าซและไฟฟ้า รวมทั้งอาจต้องลงทุนสร้างโรงผลิตกระแสไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ตลอดจนหาแหล่งพลังงานเชื้อเพลิงแหล่งอื่นสำรองนอกเหนือจากพม่าและมาเลเซียเพื่อลดความเสี่ยงต่อวิกฤติไฟฟ้าในอนาคต
แหล่งพลังงานเชื้อเพลิงแหล่งอื่นที่ นายพงษ์ศักดิ์เริ่มแบไต๋ออกมากำลังถูกจับตาและตั้งข้อสังเกตว่าน่าจะหมายถึงกัมพูชา โดยเฉพาะพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชาในอ่าวไทยซึ่งอุดมสมบูรณ์ไปด้วยน้ำมันและก๊าซปริมาณและมูลค่ามหาศาล โดยที่ผ่านมาผู้มีบารมีเหนือรัฐบาลอยากเข้าไปลงทุนธุรกิจด้านพลังงานในกัมพูชาโดยสมคบกับผู้นำกัมพูชาแบบต่างตอบแทนส่อเจตนายอมแม้แต่การเสียอธิปไตยเหนือดินแดนให้กับกัมพูชา
การจุดกระแสวิกฤติไฟฟ้าแบบตื่นตูมของนายพงษ์ศักดิ์ยังสร้างความแปลกใจเป็นอย่างมากให้กับนายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ อดีตรมว.พลังงาน ที่รัฐบาลสร้างเรื่องจนใหญ่โตผิดปกติทั้งๆ ที่ความจริงฝ่ายพม่าแจ้งว่าจะทำการปิดซ่อมล่วงหน้ามาตั้งแต่เดือน ธ.ค.ปีที่แล้ว
ที่สำคัญ นายปิยสวัสดิ์ เปิดประเด็นฮือฮาว่า มีการตั้ง “ด่าน” ในกระทรวงพลังงานและกระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อชะลอโครงการพลังงานหมุนเวียนที่จะมาทดแทนพลังงานน้ำมันและก๊าซในยามเกิดวิกฤติไฟฟ้าฉุกเฉิน
“ช่วงปีกว่าที่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาทำงาน ถ้าไม่ได้ตั้งด่านบ้าๆบอๆ เราจะมีกำลังการผลิตจากพลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์ พลังงานลมอีก 1,000 กิโลวัตต์ ด่านที่ว่านี้เป็นด่านที่ทุกคนต้องเจอหมดทำให้โรงงานพลังงานหมุนเวียนชะลอไปไม่มีใครรู้สึก แต่พอตอนนี้ไฟฟ้าจะขาด ทุกคนเริ่มรู้สึกว่าโรงไฟฟ้าหลายแห่งที่สร้างแล้วไม่สามารถผลิตไฟฟ้าได้เพราะใบอนุญาตไม่ออกจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม โรงไฟฟ้าผลิตบางแห่งมีกำลังผลิตเหลือ แต่หน่วยงานพลังงานบอกต้องผลิตเท่านั้นเท่านี้ ผลิตเกินไม่ได้ถือเป็นด่านหนึ่ง”
ข้อมูลของ นายปิยสวัสดิ์ เท่ากับประจานให้เห็นว่า วิกฤติไฟฟ้านั้นจะไม่เกิดขึ้นหากรัฐบาลโปร่งใสและตั้งใจผลักดันพลังงานหมุนเวียนอย่างจริงจังตั้งแต่เข้ามาบริหารประเทศ แต่กลับขัดขวางไม่ให้โครงการพลังงานหมุนเวียนเดินหน้า
ขณะเดียวกันก็จุดกระแสวิกฤติไฟฟ้าให้ประชาชนเกิดความหวั่นวิตกซึ่งส่อเจตนาไม่สุจริตน่าเคลือบแคลงว่ามีเป้าหมายแอบแฝงเหมือนยิงกระสุนนัดเดียวได้นกหลายตัว ทั้งข้ออ้างขึ้นค่าไฟฟ้าและก๊าซ ลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ หรือหาแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากแหล่งอื่นเพิ่มเติม ขณะเดียวกันก็เปิดช่องให้มีการเจรจาต่อรองใบอนุญาตสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน
ทีมข่าวการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี