พิษโครงการรับจำนำข้าวกลายเป็นระเบิดเวลาลูกใหญ่สำหรับรัฐบาลหุ่นเชิดนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่อยู่ในภาวะหลังพิงฝากลืนไม่เข้าคายไม่ออกหลังจากที่รัฐบาลจำนนต่อสถานการณ์จนยอมถอยกลืนน้ำลายตัวเองด้วยการลดราคารับจำนำข้าวจากตันละ 15,000 เหลือตันละ 12,000 บาท ซึ่งทำให้รัฐบาลต้องเผชิญจากพลังกดดันอย่างหนักหน่วงจากการประท้วงของชาวนาทั่วประเทศที่เริ่มรู้สึกว่าตัวเองถูกหลอกหลังเสพติดโครงการประชานิยมนี้จนเคลิบเคลิ้มงมงาย
ชาวนาทั่วประเทศซึ่งบุกทำเนียบรัฐบาลยื่นคำขาดต่อรัฐบาลหุ่นเชิดยิ่งลักษณ์ให้ทบทวนราคารับจำนำกลับไปเป็นตันละ 15,000 บาท เหมือนเดิมภายใน 7 วัน ไม่อย่างนั้นจะยกระดับการเคลื่อนไหวเพื่อกดดันรัฐบาล
โครงการรับจำนำข้าวซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของพรรคเพื่อไทยสะท้อนถึงความล้มเหลวเพราะบ่อนทำลายสถานะทางการคลังของประเทศอย่างรุนแรงตลอดจนทำลายวงจรการค้าข้าวทั้งระบบจนมีแนวโน้มที่จะนำประเทศไปสู่ความวิบัติล่มจม และที่เลวร้ายยิ่งกว่าก็คือเป็นโครงการที่มีการโกงบ้านกินเมืองอย่างมโหฬารท่ามกลางข่าวอื้อฉาวโยงใยไปถึงเครือญาติใกล้ชิดของผู้มีอำนาจในรัฐบาล
การจำนนต่อสถานการณ์จนต้องยอมถอยด้วยการลดราคาจำนำข้าวลงเป็นหนึ่งในแผนเอาตัวรอดเบื้องต้นเพื่อลดแรงเสียดทานจากกระแสกดดันจากการโจมตีของหลายฝ่ายทั้งฝ่ายค้าน นักวิชาการ หรือแม้แต่กระแสสังคมที่นับวันจะเสื่อมศรัทธาในรัฐบาลโดยมองว่า โครงการรับจำนำข้าวกำลังจะนำพาประเทศไปสู่ความล่มจมและถูกออกแบบมาเพื่อการโกงกินอย่างมโหฬารของผู้มีอำนาจทางการเมือง
การลดราคาจำนำข้าวลงนอกจากทำให้รัฐบาลหุ่นเชิดยิ่งลักษณ์ต้องเผชิญกับการลุกฮือประท้วงของชาวนาทั่วประเทศแล้ว ยังต้องเผชิญกับศึกภายในพรรคร่วมรัฐบาลโดยเฉพาะพรรคชาติไทยพัฒนาที่มี นายบรรหาร ศิลปอาชา เป็นผู้นำเงาไม่เห็นด้วยกับการลดราคาจำนำ หรือแม้แต่ สส.พรรคเพื่อไทยเองก็ออกมาคัดค้านรัฐบาลอย่างรุนแรงเพราะทำให้เสียฐานคะแนนเสียงทางการเมืองจากชาวนาทั่วประเทศ
รัฐบาลหุ่นเชิดยิ่งลักษณ์จึงอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเพราะหากจะกลับไปรับจำนำข้าวในราคาเดิมตันละ 15,000 บาท ก็จะทำให้รัฐบาลเสียหน้า ขณะเดียวกันก็จะถูกกระแสโจมตีอย่างหนักทั้งจากฝ่ายค้านคือพรรคประชาธิปัตย์ นักวิชาการ หรือแม้แต่สื่อตลอดจนองค์กรระหว่างประเทศ แต่ครั้นจะเดินหน้าลดราคาจำนำข้าวก็เต้องผชิญศึกทั้งภายนอกและภายในรัฐบาล
แม้รัฐบาลยิ่งลักษณ์จะลดแรงเสียดทานด้วยการลดราคาจำนำข้าวลงอันส่งผลให้หยุดการขาดทุนปีละกว่า 2 แสนล้านบาท แต่ปัจจัยอันเป็นจุดเสื่อมและเป็นจุดตายของรัฐบาลอย่างแท้จริง ก็คือเงื่อนงำการโกงกินอย่างมโหฬารที่เชื่อมโยงกับผู้มีอำนาจในรัฐบาล
และที่สำคัญไม่เพียงเงื่อนงำการโกงกินโครงการรับจำนำข้าว แต่ยังรวมถึงพฤติกรรมส่อโกงมโหฬารงบเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท เพื่อพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งทั่วประเทศ งบเงินกู้ 3.5 แสนล้านบาท เพื่อป้องกันน้ำท่วม
นอกจากจุดตายของรัฐบาลหุ่นเชิดยิ่งลักษณ์ในเรื่องพฤติกรรมส่อโกงบ้านกินเมืองแล้ว ที่สำคัญยังรวมถึงการทำตัวเป็นรัฐบาลหุ่นเชิดที่มุ่งทำทุกอย่างเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนักโทษหนีคุก โดยเฉพาะความพยายามผลักดันกฎหมายที่อ้างการสร้างความปรองดองบังหน้าแต่มีเป้าหมายแอบแฝงที่แท้จริงเพื่อลบล้างโทษความผิดทั้งหมดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ และทำให้ได้ทรัพย์สิน 46,000 ล้านบาท ที่ถูกศาลสั่งยึดตกเป็นของแผ่นดินคืน รวมทั้งฟอกโทษความผิดให้กับเหล่าแกนนำคนเสื้อแดงที่เป็นผู้ต้องหาก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมือง อันเป็นการทำลายหลักนิติรัฐและระบบศาลอย่างยิบเยิน
นอกจากนี้ยังรวมถึงแผนที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อทำลายระบบศาลและองค์กรอิสระต่างๆที่เป็นอุปสรรคขวากหนามในการแสวงหาผลประโยชน์และแผ่ขยายอำนาจอิทธิพลของระบอบทักษิณ โดยหวังแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อปูทางไปสู่การผูกขาดอำนาจยึดครองประเทศอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในอนาคต
วิกฤติศรัทธาแห่งความเสื่อมของรัฐบาลชุดนี้ยังรวมถึงการลุแก่อำนาจสถาปนารัฐตำรวจเป็นเครื่องมือทางการเมือง และอาศัยกลไกอำนาจรัฐทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองรวมทั้ง โยกย้ายข้าราชการที่ดีมีความรู้ความสามารถและซื่อสัตย์สุจริตมีอุดมการณ์เพื่อชาติบ้านเมืองพ้นจากตำแหน่งสำคัญแล้วแต่งตั้งคนของระบอบทักษิณเข้ามาคุมอำนาจแทน
จากวิกฤติแห่งความเสื่อมของรัฐบาลหุ่นเชิดยิ่งลักษณ์ที่นับวันจะมีมากขึ้นเรื่อยๆโดยเฉพาะจากพิษโครงการรับจำนำข้าวทำให้รัฐบาลหุ่นเชิดยิ่งลักษณ์โดยการบงการของ พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามดิ้นรนเอาตัวรอดเพื่อตัดตอนซื้อเวลาต่ออายุรัฐบาลด้วยการปรับคณะรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ 5 ครั้งใหญ่เพื่อฝ่ามรสุมทางการเมืองโดยมีเป้าหมายหลักเพื่อสร้างภาพลักษณ์ใหม่เพื่อลดวิกฤติที่กำลังสั่นคลอนเสถียรภาพของรัฐบาลอยู่ในขณะนี้ โดยการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งใหม่ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ คงถูกปรับเปลี่ยนพ้นตำแหน่งรมว.พาณิชย์ เพื่อเป็นการตัดตอนหนีความรับผิดชอบและลดกระแสโจมตีพิษโครงการรับจำนำข้าวไม่ให้ส่งผลกระทบต่อรัฐบาลทั้งคณะ
ขณะเดียวกันเป้าหมายอีกประการหนึ่งในการปรับคณะรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ 5 ก็คือเพื่อให้รางวัลบรรดาแกนนำพรรคเพื่อไทยซึ่งจงรักภักดีและใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนสลับหน้ากันมานั่งเก้าอี้รัฐมนตรีโดยเฉพาะอย่างยิ่ง นางเบญจา หลุยเจริญ อธิบดีกรมศุลกากร ที่รับใช้ปกป้องช่วยเหลือด้านผลประโยชน์แก่ครอบครัวชินวัตรมาตลอดโดยเฉพาะช่วงที่เป็นรองอธิบดีกรมสรรพากรออกมาประกาศว่าการขายหุ้นชินคอร์ปของตระกูลชินวัตรไม่ต้องเสียภาษีจนได้รับการปูนบำเหน็จจากข้าราชการธรรมดาได้รับการผลักดันจนเป็นระดับอธิบดีอย่างรวดเร็วจนกระทั่งได้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรี
ดังนั้นแม้จะมีการปรับคณะรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ 5 ก็คงเป็นแค่เกมเก้าอี้ดนตรีเพียงเพื่อสร้างภาพซื้อเวลากลบเกลื่อนอำพรางการทุจริตตลอดจนความล้มเหลวหวังต่ออยุรัฐบาล โดยเฉพาะจากพิษโครงการรับจำนำข้าวโดยไม่ใช่การปรับเพื่อประสิทธิภาพในการบริหารราชการแผ่นดินแต่อย่างใด ขณะที่ชาติบ้านเมืองยังต้องเผชิญกับปัญหาการโกงบ้านผลาญเมืองโดยไม่คำนึงถึงความวิบัติล่มจมของประเทศ รวมทั้งความล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดิน ตลอดจนการลุแก่อำนาจโดยเผด็จการเสียงข้างมากในคราบประชาธิปไตยที่ใช้อำนาจตามอำเภอใจทำได้ทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้องโดยไม่คำนึงถึงความผิดถูกชั่วดีใดๆ ทั้งสิ้น
ทีมข่าวการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี