8 ส.ค.59 เกิดเหตุระเบิดฆ่าตัวตายที่โรงพยาบาลในเมืองเกตตา ทางตะวันตกเฉียงใต้ของปากีสถาน ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 60 คน และบาดเจ็บอีกกว่า 50 คน ยังไม่มีกลุ่มใดออกมาอ้างว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุ

ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุระเบิดฆ่าตัวตายบริเวณประตูทางเข้าแผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉินของโรงพยาบาลพลเรือน ในเมืองเกตตา รัฐบาลูจิสถาน ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศปากีสถาน ในช่วงเช้า ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 60 คน และบาดเจ็บอีกกว่า 50 คน

นายซาร์ฟารัซ บักติ รัฐมนตรีมหาดไทยรัฐบาลูจิสถาน ระบุว่า เหตุระเบิดดังกล่าวเกิดขึ้นเหตุบริเวณทางเข้าแผนกฉุกเฉิน ระหว่างที่มีการนำศพของ นายบิลาล อันวาร์ คาซี ทนายความที่มีชื่อเสียง ซึ่งถูกยิงเสียชีวิตก่อนหน้านั้นมายังโรงพยาบาลแห่งนี้ หลังเกิดระเบิดแล้ว ยังมีการกราดยิงเกิดขึ้นต่อจากนั้นด้วย

นายกรัฐมนตรี นาวาซ ชาริฟ แห่งปากีสถาน ได้ออกมาประณามเหตุโจมตีดังกล่าว โดยระบุว่า ไม่มีใครมีสิทธิทำลายความสงบสุขของรัฐบาลูจิสถานได้ ส่วน นายซานอลลาห์ เซห์รี มุขมนตรีรัฐบาลูจิสถาน ระบุว่า ผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ครั้งนี้จะได้รับการดูแลรักษาอย่างดีที่สุด ขณะที่เหยื่อส่วนใหญ่เป็นทนายความที่เดินทางมาร่วมไว้อาลัยต่อการจากไปของนายคาซี

ส่วนตำรวจระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีตำรวจเสียชีวิตหลายนาย และมีนักข่าวเสียชีวิตอย่างน้อย 2 คน คาดการณ์กันว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตจะเพิ่มสูงขึ้นอีก เนื่องจากผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมากอาการสาหัส ขณะนี้ยังไม่มีฝ่ายใดออกมาอ้างว่าเป็นผู้บงการก่อเหตุ

ภาพข่าวที่ปรากฏตามสื่อปากีสถานไปด้วยร่างผู้เคราะห์ร้ายตามพื้นที่เต็มไปด้วยกองเลือดและเศษกระจก ขณะที่ผู้รอดชีวิตต่างตกใจร้องไห้และปลอบขวัญกัน ผู้เสียชีวิตหลายคนสวมชุดสูทสีดำและผูกเนคไทซึ่งถือเป็นการแต่งกายสุภาพเพื่อให้เกียรติทนายความที่ถูกยิงเสียชีวิตคนดังกล่าว

ตำรวจเชื่อว่า เหตุโจมตีครั้งนี้เป็นการตอบโต้กองกำลังกวาดล้างกลุ่มก่อการร้ายของปากีสถาน ขณะที่ นายคาซี ที่ถูกยิงเสียชีวิตนั้น เป็นผู้ที่มักออกมาประณามเหตุโจมตีต่างๆ ในเมืองเกตตา โดยที่ผ่านมาเคยเกิดเหตุสังหารผู้คนหลายครั้งในเมืองเกตตา ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับขบวนการแบ่งแยกดินแดน และในจำนวนผู้ที่ถูกสังหารในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา มีทนายความรวมอยู่ด้วยหลายคน โดยสาเหตุของการสังหารเชื่อมโยงไปยังกลุ่มติดอาวุธแบ่งแยกดินแดนและความขัดแย้งทางศาสนา

สำหรับรัฐบาลูจิสถาน ซึ่งมีพรมแดนติดกับอิหร่าน และอัฟกานิสถาน เป็นแหล่งอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ แต่มักต้องเผชิญความเดือดร้อนจากการต่อสู้และความรุนแรงระหว่างกลุ่มมุสิลมสุหนี่และชีอะห์ รวมถึงกลุ่มกบฎแบ่งแยกดินแดน