ขบวนพิธีเชิญน้ำรดต้นพระศรีมหาโพธิ์
เมื่อเร็วๆ นี้ พิพิธภัณฑ์พระพุทธศาสนา วัดเทพศิรินทราวาส ได้มีการลงนามความร่วมมือร่วมกับองค์กรชั้นนำ 36 องค์กร เพื่อช่วยกันเผยแผ่พระพุทธศาสนา “สร้างคนดี ให้มีคุณธรรม เพื่อ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์” อาทิตย์นี้ขอตามภูมิพุทธศาสนาแห่งใหม่ไปที่วัดเทพศิรินทราวาสฯ ซึ่งมีพิธีจัดขบวนแห่น้ำรดต้นพระศรีมหาโพธิ์ ต้นพระศรีมหาโพธิ์ต้นนี้พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เมล็ดมาจากเมืองลังกา และทรงพระราชทานเมล็ดพระศรีมหาโพธิ์ แก่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงปลูก โดยปลูกเป็นประธานกลางพื้นที่ของวัดแห่งเดียวไม่เหมือนวัดอื่น ด้วยเหตุนี้ขบวนแห่น้ำรดต้นพระศรีมหาโพธิ์จึงเป็นพิธีที่สืบประเพณีของวัดมาแต่เดิม โดยจัดขบวนแห่ประกอบด้วย สังข์ 1 ฆ้อง 1 พลั่วทอง 1 และสังข์สำหรับรดน้ำ 1 ซึ่งกลางขบวนนั้นเป็นขันน้ำขนาดใหญ่สำหรับใช้รดต้นพระศรีมหาโพธิ์ ขบวนที่จัดมีการแต่งบายศรีรูปมังกร 1 คู่ ธงตะขาบ 5 คู่ ธงมังกร 5 คู่ ตามด้วยขบวนนางรำ และแขกผู้มีเกียรติครั้งนี้ พลโทหม่อมเจ้าเฉลิมศึก ยุคล เป็นประธานในพิธีรดน้ำต้นพระศรีมหาโพธิ์ ที่สืบต่อพันธุ์มาแต่ต้นพระศรีมหาโพธิ์พุทธคยาในพุทธกาลปัจจุบันต้นพระศรีมหาโพธิ์นี้มีอายุ 138 ปีแล้ว
แค่เชิญขันน้ำสำหรับรดพระศรีมหาโพธิ์
วัดเทพศิรินทราวาส ราชวรวิหาร พระอารามหลวงชั้นโทนี้เป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสถาปนาขึ้นเมื่อพระองค์ทรงมีพระชนมพรรษา 25 พรรษา ในพ.ศ.2419เพื่อทรงเฉลิมพระเกียรติและทรงอุทิศพระราชกุศลสนองพระเดชพระคุณกรมสมเด็จพระเทพศิรินทรามาตย์ พระบรมราชชนนี ผู้เสด็จสวรรคตตั้งแต่พระองค์ยังทรงพระเยาว์ เมื่อสร้างเสร็จแล้ววันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2421 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ อาราธนาพระอริยมุนีจากวัดบวรนิเวศ พร้อมด้วยพระฐานานุกรม 3 รูป พระอันดับ 16 รูป สามเณร 3 รูป รวม 23 รูป มาสถิตยังวัดนี้ เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงบำเพ็ญพระราชกุศล แล้วประกาศพระราชทานวิสุงคามสีมาและพระราชทานนามอารามแห่งนี้ว่าวัดเทพศิรินทราวาส ตามพระนามแห่งองค์พระราชชนนี ด้วยเหตุนี้สถาปัตยกรรมของวัดจึงมีความสวยงามและวิจิตรพิสดารด้วยลายรดน้ำและรูปสลักเครื่องราชอิสริยาภรณ์บนเพดานพระอุโบสถ และประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญหลายองค์ ที่สำคัญคือ พระนิรันตราย พระพุทธรูปประจำรัชกาลที่ 4
ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ร.5 ทรงปลูกเป็นประธานของวัด
สำหรับพิพิธภัณฑ์พระพุทธศาสนาในวัดนี้ได้จัดสร้างขึ้นใหม่โดยใช้อาคารโรงเรียนสอนพระปริยัติธรรมซึ่งเคยเป็นกุฏิของอดีตเจ้าอาวาส 2 ยุค คือ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ และสมเด็จพระวันรัต นับเป็นพิพิธภัณฑ์พระพุทธศาสนาที่เป็นแหล่งเรียนรู้ที่นำสื่อผสมมาใช้สร้างความรู้สึกให้เข้าใจถึงพุทธศาสนาได้ด้วยตนเองโดยจัดให้ชั้นบนนั้นนำเสนอเรื่องพุทธประวัติ ที่ลำดับเหตุการณ์สำคัญตามลำดับตั้งแต่การประสูติ จนถึงการตัดสินพระทัยออกบวชค้นหาความจริงจนตรัสรู้ ในบรรยากาศพุทธกาลเมือง 2,600 ปีมาแล้วแล้วนำเข้าสู่การปฐมเทศนา ที่จำลองธรรมเมกขสถูปเจดีย์ และการสร้างภาพของเมือง พาราณสี และสาวัตถี จนถึงการเสด็จปรินิพพาน ที่ทำให้บรรยากาศเหมือนเข้าเฝ้าพระพุทธองค์และสดับฟังปัจฉิมโอวาสของพระพุทธองค์สำหรับนำไปใช้ปฏิบัติในชีวิตประจำวันต่อไป การจัดพุทธประวัติที่แห่งนี้ได้ใช้สื่อเทคโนโลยีมาสร้างเป็นบรรยากาศให้สมจริงในเหตุการณ์ตามเนื้อหาสาระให้สัมผัสกับมิติต่างๆ จากดิน น้ำ ลม ไฟ ที่ให้รู้สึกได้ถึงการทำลายสมาธิของพระพุทธเจ้าในยามผจญมารและความสุกใสสว่างแห่งฉัพพรรณรังสีให้พระองค์ตรัสรู้ถึงพระอริยสัจ 4 ให้รู้เข้าใจถึงพุทธธรรมอันประเสริฐและมีความเข้าใจจนนำไปสู่การมีคุณธรรมปฏิบัติเพื่อเป็นคนดีของแผ่นดินในอนาคตได้ ส่วนชั้นล่างนั้นเป็นการนำเสนอเรื่องราวของวัดเทพศิรินทราวาสฯพระราชประวัติรัชกาลที่ 5 ต้นพระศรีมหาโพธิ์ และเจ้าอาวาส ผู้ริเริ่มโครงการสร้างคนด้วยแหล่งเรียนรู้พระพุทธศาสนาแห่งนี้ คือ คุณวิชัย จรรยาทิพย์สกุล ผู้เป็นประธานพิพิธภัณฑ์พระพุทธศาสนา ผู้ทุ่มเทการสร้างพิพิธภัณฑ์พระพุทธศาสนาให้เป็นแหล่งเรียนรู้เพื่อคนรุ่นใหม่นับเป็นการสร้างคุณธรรมเพื่อแผ่นดินโดยการเรียนรู้พระพุทธศาสนาอย่างเข้าถึงเหตุการณ์จริง
ทรงเผยแพร่ธรรมสู่พุทธสาวก
พระพุทธองค์ชนะอุปสรรคทั้้งปวงและตรัสรู้
อาคารพิพิธภัณฑ์พระพุทธศาสนา
พิธีรดน้ำต้นพระศรีมหาโพธิ์กลางลานวัด
สาวงามผู้ร่วมขบวนพิธีรดน้ำพระศรีมหาโพธิ์
ห้องแสดงพระพุทธประวัติครั้้งพุทธกาล
องค์กรผู้ร่วมสร้างคนมีคุณธรรมให้แผ่นดิน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี