23 มิถุนายน 2567 จากกรณีที่พบช้างป่าแม่ลูกอ่อนป่วยแก้มป่อง อยู่ในป่าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่และสัตวแพทย์ได้ช่วยรักษาเบื้องต้น จนอาการทรงตัวแล้วนั้น
เวลาต่อมาเป็นเรื่องเศร้า เมื่อโลกออนไลน์เฟสบุ๊ค NuNa Silpa-archa เปิดเผยข้อมูลว่า แม่สร้อยช้างพังแก้มป่อง ทนความเจ็บปวดไม่ไหวตายแล้ว
คลิกอ่านข่าวเพิ่มเติม : สู่สุคตินะ! พัง'แม่สร้อย'ช้างป่าป่วยแก้มป่อง นอนตายกลางป่า
ต่อมาเวลา 14.00 น.นายรัชสิต จงจรัสพร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ นายปฐม แหนกลาง อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านปากลำห้วยปิล็อก พร้อมเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ และชาวบ้านจำนวนหนึ่ง ได้นิมนต์พระสงฆ์จากหลายวัดมาทำพิธีทางศาสนา โดยมีเจ้าหน้าที่ ตร.สภ.ทองผาภูมิ เดินทางมาร่วมพิสูจน์เพื่อนำข้อมูลไปลงบันทึกประจำวันเอาไว้เป็นหลักฐาน ก่อนที่จะใช้รถแบคโฮขุดหลุมเพื่อฝังซากโรยด้วยปูนขาวเพื่อป้องกันเชื้อ
สำหรับจุดที่พบซากพังสร้อยทองอยู่ภายในเขตองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ สวนป่าไม้ห้วยเขย่ง บ้านไร่ป้า หมู่ 5 ต.ห้วยเขย่ง อ.ทองผาภูมิ ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องเดินเท้าเข้าไปประมาณ 2 กิโลเมตร ส่วนลูกของพังสร้อยทองที่หายตัวไป จะติดตามหาอีกครั้งหนึ่งในภายหลัง
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคมที่ผ่านมา พระครูภาวนาสุทธาจารย์ (หลวงพ่อสาคร ธัมมาวุโธ) เจ้าอาวาสวัดเวฬุวันวนาราม (วัดเวฬุวัน) ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ประธานมูลนิธิคชสาร และนายปฐม แหนกลาง อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านปากลำห้วยปิล็อก พบแม่พังสร้อยทอง ช้างป่าทองผาภูมิ เพศเมีย อายุประมาณ 40- 50 ปี มีอาการป่วยแก้มซ้ายอักเสพอย่างรุนแรง จนแก้มบวมขนาดใหญ่ ออกหากินอยู่กับลูกเพศผู้อายุ ประมาณ 2 ปี จึงรีบแจ้งนายรัชสิต จงจรัสพร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ พร้อมเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ร่วมเดินทางไปตรวจสอบ
หลังจากนายอนันต์ โพธิ์พันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) ได้รับรายงาน จึงมอบหมายให้ สพ.ญ.กิตติยาภรณ์ เอี่ยมสะอาด สัตวแพทย์ศาสตร์กลุ่มงานจัดการสุขภาพสัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช สพ.ญ.ลักษณา ประสิทธิชัย สัตวแพทย์จากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) ร่วมกับ ผศ.ดร.สพ.ญ.สุภาเพ็ญ ศรีพิบูลย์ สพ.ญ.สุธีรานันท์ พิพิธวณิชธรรม คณะสัตวแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน นายรัชสิต จงจรัสพร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ พร้อมเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ พระครูภาวนาสุทธาจารย์ (หลวงพ่อสาคร ธัมมาวุโธ) ประชุมหาแนวทางในการรักษามาอย่างต่อเนื่อง
โดยเมื่อวันที่ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา คณะเจ้าหน้าที่ได้ยิงไซลาซีน (Xylazine) ที่เป็นยาซึม เมื่อยาออกฤทธิ์ คณะสัตวแพทย์จึงใช้เครื่องอัลตราซาวนด์ตรวจแก้มด้านซ้ายเพื่อหาสาเหตุของการบวม พบลักษณะเป็นของเหลวอยู่ภายในแก้ม จึงทำการดูดของเหลวออกมามีลักษณะเป็นน้ำใสปนเลือด และพบว่ามีการอักเสบ และมาอาการหนาตัวของเนื้อเยื่อแก้มด้านนอกและกระพุ้งแก้มด้านใน ทีมสัตวแพทย์จึงได้ทำการฉีดยาฆ่าเชื้อ รวมทั้งให้ยาลดการอักเสบและลดอาการปวด รวมทั้งให้วิตามิน และสารน้ำทางเส้นเลือด และได้เก็บตัวอย่างเลือด ตัวอย่างของเหลวที่แก้ม เพื่อนำไปตรวจวิเคราะห์สุขภาพทางห้องปฏิบัติการ เพื่อหาเชื้อแบคทีเรีย และระหว่างนี้คณะเจ้าหน้าที่ได้เฝ้าติดตามดูอาการของแม่พังสร้อยทอง อย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด 52 วันที่ผ่านมา
สำหรับผลการตรวจแก้มและช่องปาก พบลักษณะการบวมและขยายขนาดของเนื้อเยื่อกระพุ้งแก้มที่อยู่ในช่องปาก ส่งผลให้ช่องปากมีพื้นที่ลดลงประกอบกับฟันด้านล่างซ้ายมีการโยกขยับตัวคล้ายกับการผลัดชุดฟันของช้างทำให้เคี้ยวอาหารได้ลำบาก แก้มด้านนอกเมื่อสัมผัสดูมีลักษณะเป็นเนื้อนิ่ม เกิดจากการอักเสบและหนาตัวของเนื้อแก้ม จากการอัลตราซาวนด์ พบว่าด้านในเป็นของเหลว จึงทำการเจาะดูดพบมีของเหลวสีใสปนเลือด ไม่พบสิ่งแปลกปลอมภายในช่อปาก เหงือก หรือแก้มด้านนอก
ส่วนผลการตรวจเลือด พบค่าตับไตอยู่ในเกณฑ์ปกติ ส่วนค่าเม็ดเลือดขาวต่ำกว่าปกติ สามารถพบเจอตอนที่ติดเชื้อรุนแรง หรือติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งพังสร้อยทองยังไม่แสดงอาการที่บ่งชี้ไปในทางนั้น หรืออาจเกิดจากการอักเสบเรื้อรังร่วมกับการขาดสารอาหาร ทำให้กลไกของร่างกายพังสร้อยทองยังดำเนินไปเรื่อยๆ แต่ร่างกายสร้างทดแทนใหม่ไม่ทัน พบวาวะเลือดจางที่มาจากการอักเสบ และการขาดสารอาหารโดยตรง สรุปการที่ช้างกินอาหารได้ไม่ปกติ ทำให้เกิดภาวะขาดสารอาหารและเลือดจาง รวมทั้งมีอาการอักเสบเรื้อรังของร่างกาย ทำให้เม็ดเลือดต่างๆต่ำลง จึงติดเชื้อในกระแสเลือด ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงนั้น คณะสัตวแพทย์ประจำสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3(บ้านโป่ง)จะเก็บตัวอย่างเนื้อเยื้อไปพิสูจน์อีกครั้งหนึ่ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี