นายไพฑูรย์ สินลารัตน์ ประธานกรรมการคุรุสภา เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการคุรุสภา ว่า ได้มีการรายงานข้อมูลการขอต่อใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษาของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งพบว่ามีผู้ถือใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา 515,991 ราย ที่ใบอนุญาตฯ จะหมดอายุในวันที่ 8 ธันวาคม 2557 และต้องยื่นแบบคำขอต่ออายุก่อนวันที่ใบอนุญาตฯจะหมดอายุไม่น้อยกว่า 180 วัน หรือก่อนวันที่ 12 มิถุนายน ซึ่งขณะนี้ก็เกิน 180 วันตามที่คุรุสภากำหนดไว้แล้ว แต่ผู้ถือใบอนุญาตกลุ่มดังกล่าวยังยื่นแบบคำขอต่ออายุใบอนุญาตฯไม่ครบทุกคน มีผู้มายื่นแบบคำขอฯและชำระเงินค่าต่ออายุใบอนุญาตฯ ประมาณ 80% หรือประมาณ 4 แสนกว่าคน โดยในจำนวนนี้ได้รับการอนุมัติต่ออายุใบอนุญาตฯแล้วประมาณ 29% ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูล เพื่อพิจารณาอนุมัติ

"จากตัวเลขดังกล่าวถือว่าครูมีความตื่นตัวในเรื่องการขอต่ออายุใบอนุญาตฯค่อนข้างมาก แม้จะเหลืออีก 20% หรือประมาณ 1 แสนกว่ารายที่ยังไม่มายื่นขอ ดังนั้น ทางคุรุสภาจึงขอแจ้งเตือนให้ผู้ถือใบอนุญาตฯที่จะหมดอายุในวันที่ 8 ธันวาคม นี้ รีบยื่นแบบคำขอต่อใบอนุญาตโดยเร็วที่สุด เพราะถึงแม้จะยังไม่กำหนดบทลงโทษกับผู้ที่ไม่ยื่นขอต่อใบอนุญาติฯไว้ แต่คุรุสภากำลังพิจารณาหามาตรการลงโทษ เพราะไม่เช่นนั้นครูก็จะปล่อยปละละเลยไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่กำหนดไว้ เพราะหากครูคนใดไม่มีใบอนุญาตฯ ก็จะไม่มีสิทธิ์สอน ดังนั้นหากยังฝ่าฝืนก็จะถูกลงโทษทางอาญาและอาจติดคุกได้ ส่วนสถานศึกษาที่ให้ครูไม่ใบอนุญาตฯเข้ามาสอน ก็จะถือว่ากระทำผิดด้วยเช่นกัน

ประธานกรรมการคุรุสภา กล่าวต่อว่า กรณีที่สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.)จะเสนอขอแก้ไขเพิ่มเติมใน พ.ร.บ.สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2546 โดยจะระบุให้ครูอาชีวศึกษาอาจไม่จำเป็นต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูหรือขอยกเว้นบางสาขาวิชาที่มีความต้องการนั้น ตามกฎหมายครูจะต้องมีใบอนุญาตฯ การจะยกเว้นเฉพาะครูอาชีวะฯจึงเป็นไปได้ยาก และหากไม่มีใบอนุญาตฯก็จะมีผลต่อการเลื่อนวิทยฐานะด้วย เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ.)กำหนดให้ครูต้องมีใบอนุญาตฯจึงจะสามารถเลื่อนวิทยฐานะได้ ดังนั้น จึงอยากจะให้สอศ.มาหารือพูดคุยกับคุรุสภา ซึ่งอาจจะใช้แนวทางกำหนดใบอนุญาตฯเฉพาะครูอาชีวศึกษา เช่นเดียวกับของต่างประเทศที่จะมีใบอนุญาตของครูเฉพาะสาขา