ศ. ดร. อุทุมพร จามรมาน นักวิชาการ ผู้ทรงคุณวุฒิ และอดีต ผู้อำนวยการสำนักทดสอบทางการศึกษา (องค์การมหาชน) ให้ความเห็นแย้งถึงเรื่องการยุบสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) หรือสมศ.ด้วยเหตุผลของผู้เสนอแนะให้ยุบว่าเป็นการเพิ่มภาระและเป็นอุปสรรคในการจัดการศึกษา ในฐานะนักการศึกษา และอดีตผู้บริหารองค์กรมหาชนเห็นว่า การบริหารงานขององค์กรทุกประเภทต้องได้รับการตรวจสอบการใช้เงินและคุณภาพของผลงานโดยองค์กรภายนอกที่เป็นอิสระ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส ในการปฏิบัติงานของผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ ในกรณีมหาวิทยาลัยของรัฐจะต้องถูกตรวจสอบโดยหน่วยงานภายนอก เช่น สตง. หรือองค์กรอื่นซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็น สมศ. ก็ได้ ว่ามหาวิทยาลัยของรัฐหรือในกำกับรัฐ ใช้เงินภาษีประชาชนอย่างคุ้มค่าหรือไม่และผลผลิตได้คุณภาพตามมาตรฐานสากลหรือไม่
หน้าที่ของมหาวิทยาลัยของรัฐที่ใช้เงินภาษีของประชาชน จึงต้องให้ข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชน เกี่ยวกับ คุณภาพผลงานของตนเพื่อผู้ปกครอง นักเรียน และประชาชนจะได้ทราบและตัดสินใจ เกี่ยวกับหน่วยงานนั้นๆ ว่าควรจะอยู่หรือถูกยุบ ในกรณีของมหาวิทยาลัยเอกชน เจ้าของมหาวิทยาลัยทำหน้าที่ตรวจสอบการใช้เงินอยู่แล้ว แต่ก็ต้องมีหน่วยงานภายนอกที่มาตรวจสอบคุณภาพเพื่อผู้ปกครอง และนักเรียนจะได้ตัดสินใจว่า จะให้บุตรหลานของตนมาศึกษาหรือไม่ ซึ่งความต้องการให้ยุบ สมศ. อาจทำได้ตามที่ผู้เสนอ ต้องการ แต่จะต้องมีการตรวจสอบโดยหน่วยงานภายนอกมาทำหน้าที่แทน ในที่นี้ ตนขอ เสนอให้ใช้ผล World Ranking เป็นตัวชี้คุณภาพว่า แต่ละมหาวิทยาลัยอยู่ลำดับที่เท่าไรของโลก ซึ่งจะต้องให้อธิการบดีมาชี้แจงว่า ผลการบริหารงานของตนมี คุณภาพอะไร มากน้อยเพียงไร
ศ. ดร. อุทุมพร กล่าวถึงในส่วนที่ว่าเป็นการเพิ่มภาระให้กับมหาวิทยาลัยนั้น ขอบอกว่า การประเมินภายนอกของ สมศ. เป็นการทำงานตามปกติ ที่ใช้ระบบมาตรฐานข้อมูลเป็นกลไกขับเคลื่อน ในกรณีที่มหาวิทยาลัยคิดว่าเป็นภาระ เพราะมหาวิทยาลัยมิได้ใช้ระบบฐานข้อมูลในการบริหารจัดการ ดังนั้น เมื่อสมศ. ส่งคณะผู้ประเมินคุณภาพผลงานตามพันธกิจของมหาวิทยาลัย เจ้าหน้าที่สายสับสนุนที่เกี่ยวข้องจึงต้องไปขอผลงานจากผู้บริหาร อาจารย์ และบุคลากร เพื่อนำมาสร้างหลักฐานให้คณะผู้ประเมินของสมศ.จึงทำให้ดูเสมือนว่า เป็นการไปสร้างภาระให้กับผู้บริหารของมหาวิทยาลัย ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ผู้บริหารมหาวิทยาลัย มิได้เข้าใจว่า การประเมินคุณภาพของสมศ. ทุก 5 ปี เป็นการช่วยอธิการบดีและคณบดี ในการส่องกระจกดูตัวเองและและถ้าพบว่าจุดใดเป็นจุดอ่อน จะได้แก้ปรับปรุง จุดไตเป็นจุดแข็งจะได้เสริมให้แข็งขึ้นอีก และ เมื่ออธิการบดีและคณบดี ไม่เข้าใจความสำคัญของผลการประเมินก็จะ สั่งการให้เจ้าหน้าที่สายสนับสนุน ไปดำเนินการ ซึ่งเขาเหล่านั้นมิใช่ผู้บริหาร จึงไม่เข้าใจวิธีทำประกันคุณภาพ
ในส่วนของ คณะผู้ประเมินจะได้รับการคัดเลือกมาจาก ผู้บริหาร และอาจารย์จากสถาบันอื่นมาเป็นผู้ประเมิน อธิการบดีและคณบดีจึงกลัวจะได้คะแนนต่ำ ต่างพยายามทุกวิถีทางที่จะให้ได้คะแนนสูง ทั้งที่มิใช่สภาพที่แท้จริงของตน ดังนั้น การ “ยุบ สมศ.” จึงมิใช่คำตอบที่แท้จริงอย่างที่ผู้นำเสนอให้มีการยุบ เพราะผลจากการประเมินคุณภาพตามสภาพที่แท้จริงของแต่ละมหาวิทยาลัย จะทำให้เกิดประโยชน์ในหลายๆด้าน อาทิ หากแต้มมหาวิทยาลัยสูง ก็จะเป็นการยืนยันให้สังคมรับรู้ถึงคุณภาพของสถาบันนั้นๆ บัณฑิตที่จบไปก็มีคุณภาพ ทำงานได้เลยและเป็นคนดี และ ภาพลักษณ์ของอาจารย์ที่สอนจะเป็นที่ยอมรับ มีทักษะทางคุรุศึกษา และมีผลงานวิจัยตีพิมพ์ในวารสารโลก หรือมีงานสร้างสรรค์ ที่เผยแพร่ และผลงานเหล่านี้ได้ถูกนำมาใช้ประโยชน์เพื่อการพัฒนาประเทศไทย นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่สายสนับสนุนก็จะได้รับการพัฒนาวิธีปฏิบัติงาน เพื่อช่วยให้อาจารย์ทำงานได้เต็มที่
ดังนั้น หากอธิการบดี และคณบดีมีการบริหารจัดการที่ใช้ฐานข้อมูลและหลักธรรมาภิบาล โปร่งใส ตรวจสอบได้ ตลอดจนใส่ใจงานของตนตามที่เสนอตัวมาดำรงตำแหน่ง ก็จะต้องเข้าใจเหตุผลว่า ทำไมต้องประกันคุณภาพผลผลิตของตน และปรับปรุงผลผลิตให้มีคุณภาพสูงขึ้นเรื่อยๆ ทัดเทียมกับประเทศอื่นๆ หรือ มากกว่า แต่ถ้าไม่เข้าใจว่า ทำการประกันคุณภาพการศึกษาไปทำไม ก็น่าจะให้บุคคลอื่นมาบริหารงานแทนจะเป็นประโยชน์แก่ชาติบ้านเมืองมากกว่า
ศ.ดร.อุทุมพร จามรมาน กล่าวทิ้งท้ายว่า ดังนั้น การยุบ สมศ.จึงมิใช่ตำตอบ แต่ถ้าเสนอให้ สมศ. ปรับปรุงวิธีทำงานให้ดีขึ้นน่าจะเป็นทางออกที่ดี หรือถ้ายุบสมศ. ก็น่าจะใช้ World Ranking เป็นตัวประกันคุณภาพแทน ซึ่งจากการตรวจสอบลำดับของมหาวิทยาลัยไทย เทียบกับมหาวิทยาลัยในโลกพบว่า อยู่ในระดับไม่สูง และไม่เคยสูง บางแห่งติดลำดับ 3,000 ของโลก แพ้มหาวิทยาลัยในประเทศด้อยพัฒนาบางประเทศเสียอีก จึงเสนอว่า ถ้าอธิการบดีและคณบดียอมรับความจริงเรื่องคุณภาพ แล้วหันมาช่วยกันพัฒนาคุณภาพผลผลิต 4 อย่าง ตามพันธกิจของมหาวิทยาลัยของตน ก็จะเป็นการปฏิรูปการศึกษาที่แท้จริง นั่นคือตัวเองประเมินตัวเองก่อน แต่ถ้าทำไม่ได้ก็ใช้เกณฑ์ว่า ถ้ามหาวิทยาลัยใดไม่ติดลำดับ 500 ลำดับแรกของโลกก็ ยุบมหาวิทยาลัยนั้นเสีย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี