11 พ.ค.58 ที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ถ.กำแพงเพชร ศาลนัดอ่านคำสั่งว่าจะรับฎีกาหรือไม่ ในคดีที่พนักงานอัยการ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.แพรวา (ขอสงวนนามสกุล) เป็นจำเลย ในความผิดฐานขับรถยนต์โดยประมาท จนเป็นเหตุในผู้อื่นถึงแก่ความตาย และได้รับอันตรายต่อร่างกายบาดเจ็บสาหัส และทรัพย์สินเสียหาย และใช้โทรศัพท์ขณะขับรถยนต์
จากกรณีเมื่อวันที่ 27 ธ.ค.53 จำเลยซึ่งเป็นเยาวชนอายุ 17 ปี ขับรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค หมายเลขทะเบียน ฎว 8461 กทม.ขึ้นบนทางยกระดับโทลล์เวย์ และพุ่งชนกับรถตู้โดยสาร ทะเบียน 13-7795 กทม.วิ่งระหว่างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต - อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตกระเด็นตกจากทางด่วน รวม 9 ศพ
ระหว่างนี้ศาลอยู่ระหว่างพักการพิจารณา เพื่อรอคู่ความพร้อม และโจทก์ร่วมเดินทางมาศาล เพื่อฟังคำพิพากษาว่าจะได้รับอนุญาตให้ฎีกาหรือไม่ หากศาลไม่รับคดีจะถือเป็นที่สิ้นสุด โดยศาลได้นัดฟังคำพิพากษาในเวลา 13.30 น.โดยวันนี้ญาติผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นโจทก์ร่วมเดินทางมาศาล ขณะที่จำเลยและครอบครัว พร้อมทนายความเดินทางมาศาล
สำหรับคดีนี้ ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 31 ส.ค.55 ว่า จำเลยมีความผิดฐานขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และทำให้ทรัพย์สินเสียหาย จำคุกเป็นเวลา 3 ปี คำให้การในชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์ ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกเป็นเวลา 2 ปี โทษจำคุก ให้รอลงอาญาเป็นเวลา 3 ปี โดยคุมประพฤติจำเลย 3 ปี และให้รายงานตัวทุกๆ 3 เดือน พร้อมให้ทำงานบริการสังคมโดยการดูแลผู้ป่วยจากอุบัติเหตุเป็นเวลา 48 ชั่วโมง รวมทั้งห้ามจำเลยขับรถยนต์จนกว่าจะมีอายุครบ 25 ปีบริบูรณ์ ส่วนความผิดฐานใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ ศาลพิพากษายกฟ้อง เนื่องจากไม่สามารถนำสืบได้ว่าจำเลยใช้โทรศัพท์จริงหรือไม่
ขณะที่ศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 22 เม.ย.57 แก้เป็นว่า จากที่รอลงอาญา 3 ปี ให้ระยะเวลารอลงอาญาเป็น 4 ปี และให้บำเพ็ญประโยชน์ 48 ชั่วโมงต่อปี เป็นเวลารวม 4 ปี ส่วนโทษอื่นให้คงตามศาลชั้นต้น
ล่าสุด ศาลฎีกาได้มีคำสั่งไม่รับฎีกา เนื่องจากไม่มีสาระสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาเดิม
ด้านทนายความจาก ม.ธรรมศาสตร์ ฝ่ายญาติผู้เสียหาย เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้มีการจำหน่ายคดีออกไว้ชั่วคราว เพื่อรอผลคดีอาญาจนถึงที่สุดนั้น หลังจากนี้จะคัดคำสั่งของศาล เพื่อยื่นต่อศาลแพ่ง ดำเนินการเรียกร้องค่าเสียหายต่อพ่อแม่ของจำเลยต่อไป
นางทองพูน พานทอง มารดาของ น.ส.นฤมล ปิตาทานัง หนึ่งในผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ กล่าวว่า ศาลมีคำสั่งไม่รับฎีกาที่จำเลยยื่น ซึ่งทางเราก็ยอมรับตามกระบวนการของกฎหมาย ทั้งนี้ขอบคุณสื่อที่ให้ความสนใจและไม่ลืมกัน
“เราอยากให้คดีจบโดยเร็ว วันนี้เหมือนแผลกำลังหายแล้ว แต่ก็มาเจอสะกิดอยู่เรื่อยๆ อย่างไรก็ตามจนถึงตอนนี้ยังไม่ได้รับการเยียวยาใดๆ จากจำเลย และไม่เคยคุยหรือโทรศัพท์มาหา ขอให้เหลียวมองเราสักนิด ไม่ต้องมากมาย เจอหน้าคุยกันบ้าง หรือแค่บอกว่าเสียใจด้วยนะเราก็ชื่นใจแล้ว แต่เราไม่เคยได้ยินจากปากเขาเลย”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี