ก่อนจะเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในปีพุทธศักราช 2559 “ทีมงานแนวหน้าออนไลน์” ขอถือโอกาสพลิกแฟ้ม “คดีดัง” ที่เกิดขึ้นในห้วงหนึ่งปีที่ผ่านมา โดยหวังให้เป็นเครื่องช่วยเตือนสติคนในสังคมให้ตระหนักถึง “ผิด ชอบ ชั่ว ดี”
เพราะหากใครที่คิดจะ “ทำชั่ว” ผลลัทธ์ที่จะเกิดตามมามัก “จบไม่สวย” เหมือนดั่งคดีดังเหล่านี้เป็นแน่ !!
พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์
ประเดิมคดีแรกด้วยคดีที่เขย่าวงการสีกากีจนระส่ำระส่าย โดยจำเลยสำคัญในคดีคือบิ๊กตำรวจยศใหญ่เจ้าของฉายา “เดอะกิ๊ก” พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ถูกศาลอาญาพิพากษาจำคุกเบ็ดเสร็จ 16 ปี 9 เดือน ในความผิดฐานหมิ่นประมาทสถาบันเบื้องสูง ป.อาญา ม.112 , ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ , จัดให้มีการเล่นการพนันบ่อนโคลอนเซ และ กระทำผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ฯ
พล.ท.มนัส คงแป้น
ถัดจากวงการสีกากี ความระส่ำระส่ายก็วิ่งเข้าหา “ลายพราง” พล.ท.มนัส คงแป้น ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ กองทัพบก ได้เดินทางเข้ามอบตัวหลังถูกศาลจังหวัดนาทวี ออกหมายจับในความผิดฐานสมคบคิดกระทำการอันเป็นการค้ามนุษย์ฯ และข้อหาอื่นๆ แม้เจ้าตัวจะปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่ปรากฎว่าศาลจังหวัดนาทวีไม่อนุญาตให้ประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีใหญ่และมีความเกี่ยวพันกับต่างประเทศ ทำให้ พล.ท.มนัส ต้องถอดเครื่องแบบทหารเดินเข้าเรือนจำอำเภอนาทวี อย่างไม่มีทางเลือก
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์
ข้ามมาฝั่งนักการเมืองเป็นอีกหนึ่งคดีที่ฮือฮาไม่แพ้กัน เมื่อศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ จำคุก นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย และนายเกียรติอุดม เมนะสวัสดิ์ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นด้วยการโฆษณา เนื่องจากทั้งสองให้สัมภาษณ์หมิ่นประมาทอดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ว่าได้พบปะเป็นการส่วนตัวกับสมาชิกของพรรคประชาธิปัตย์ ระหว่างที่มีการพิจารณายุบพรรคประชาธิปัตย์
นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม
คดีถัดมานับเป็นคดีที่ต่อสู้กันมาอย่างยาวนาน และมีการเลื่อนฟังคำพิพากษาศาลฎีกามากถึง 5 ครั้ง โดยในการนัดครั้งที่ 6 “เอ๋ ชนมสวัสดิ์” หรือ นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 1 ปี 6 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และจัดการเลือกตั้งไม่สุจริต โดยก่อนหน้าที่ศาลจะตัดสินคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีคำสั่งที่ 19/2558 สั่งพักงาน นายชนม์สวัสดิ์ กรณีความไม่โปร่งใสในการเบิกจ่ายงบประมาณในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ
ร.ท.สุชาย เชาว์วิศิษฐ – นายวิโรจน์ นวลแข
ตกเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์พอสมควร สำหรับคดีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาจำคุก ร.ท.สุชาย เชาว์วิศิษฐ อดีตประธานกรรมการบริหารธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) นายวิโรจน์ นวลแข อดีตกรรมการผู้จัดการธนาคากรุงไทย และพวกรวม 12 คน คนละ 18 ปี กรณีปล่อยกู้ให้ บมจ.กฤษดามหานคร เป็นเงินกว่า 1 หมื่นล้านบาทโดยมิชอบ โดยหลายฝ่ายมองว่าคดีนี้จำเลยไม่ควรถูกพิพากษาโดยศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
อย่างไรก็ตาม คดีนี้ศาลให้ออกหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จำเลยที่ 1 เนื่องจากอยู่ระหว่างหลบหนีคดี
นายกัณฑ์พิทักษ์ ปัจฉิมสวัสดิ์ หรือ หมูแฮม
อีกหนึ่งคดีดังที่สังคมจับตามอง เนื่องจากจำเลยในคดี นายกัณฑ์พิทักษ์ ปัจฉิมสวัสดิ์ หรือ หมูแฮม เป็นบุตรชายของนายกัณฑ์เอนก ปัจฉิมสวัสดิ์ กับ นางสาวิณี ปะการะนัง อดีตนางสาวไทยปี 2527 ก่อเหตุชกต่อยคนขับรถเมล์ และควบรถเบนซ์คันหรูชนผู้คนได้รับบาดเจ็บหลายราย โดยที่สุดแล้วคดีนี้ศาลฎีกามีคำพิพากษาแก้โทษศาลอุทธรณ์ ให้จำคุก 3 ปี ในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, พยายามฆ่าผู้อื่น และทำร้ายร่างกายผู้อื่นทำให้ได้อันตรายแก่กาย แต่ลดโทษหนึ่งในสามคงจำคุก 2 ปี 1 เดือน รอลงอาญา 2 ปี พร้อมให้ไปรักษาความบกพร่องทางจิต
นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือ หมอหยอง
นับเป็นคดีหมิ่นสถาบันคดีที่สองในรอบปี เมื่อนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือ หมอหยอง นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ หรือ อาท ชัตเตอร์มหาเทพ และ พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา หรือ สารวัตรเอี๊ยด สว.กก.1บก.ปอท. ถูกดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นสถาบันเบื้องสูง และคดีอื่นๆ รวม 13 ข้อหา แม้คดีนี้ศาลจะยังไม่มีคำพิพากษา แต่ก็ถูกสังคมตั้งคำถามเป็นจำนวนมาก เนื่องจาก 2 ใน 3 ผู้ต้องหา ได้แก่ นายสุริยัน และพ.ต.ต.ปรากรม เสียชีวิตระหว่างถูกคุมขังในเรือนจำชั่วคราว แขวงถนนนครไชยศรี มณฑลทหารบกที่ 11
นายวิสุข เสร็จสวัสดิ์ หรือ เสี่ยขาว ซานติก้าผับ
คดีสะเทือนขวัญของคนไทยทั้งประเทศกับเหตุการณ์ไฟไหม้ “ซานติก้าผับ” ในคืนส่งท้ายปีต้อนรับปีใหม่ 31 ธ.ค. 2551 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ล่าสุดเมื่อวันที่ 5 พ.ย. 58 ศาลฎีกามีคำพิพากษาจำคุก 3 ปี นายวิสุข เสร็จสวัสดิ์ หรือ เสี่ยขาว เจ้าของซานติก้าผับ ในความผิดฐานทำให้เกิดเพลิงไหม้เป็นเหตุให้ผู้อื่นและทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย และเป็นอันตรายถึงกับชีวิต ฯลฯ ทั้งนี้ ยังให้ร่วมชดใช้ค่าเสียหายร่วมกับจำเลยที่ 4-8 เป็นเงิน 5,120,000 บาท
นายจิตตสร ปราโมช ณ อยุธยา
ปิดท้ายด้วยอีกหนึ่งคดีดังที่ยืดเยื้อมาเป็นเวลานาน สำหรับคดีการอนุมัติขายหุ้นของบอร์ดบริหารธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ จำกัด (มหาชน) หรือ บีบีซี ที่ล่าสุดศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ให้จำคุกจำเลยที่ 2-4 คนละ 6 ปี 8 เดือน ปรับคนละ 666,666 บาท และร่วมกันชดใช้เงินกว่า 85 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ความผิดฐานร่วมกันยักยอกทรัพย์ และความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี