17 มี.ค. 59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊ก "ทนายคู่ใจ" เปิดข้อกฎหมายวิเคราะห์ กรณีรายการข่าวข้นคนเนชั่น ออกอากาศทางเนชั่นทีวี เทปเมื่อวันที่ 16 มี.ค. ที่ผ่านมา โดยมีนายกนก รัตน์วงศ์สกุล และนายธีระ ธัญไพบูลย์ เป็นผู้ดำเนินรายการ และได้โทรศัพท์สัมภาษณ์ พ.ต.อ.พงศ์พัฒน์ สุขสวัสดิ์ ผกก.สภ.พระอินทร์ราชา จ.พระนครศรีอยุธยา ถึงความคืบหน้าคดี นายเจนภพ วีรพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลัคโซติด ออโตโมทีฟ จำกัด อายุ 37 ปี ซิ่งรถเบนซ์หรูพุ่งชนรถเก๋งฟอร์ด เฟียสต้า ของ 2 นิสิตปริญญาโทและเอก จนนิสิตทั้งสองคนถูกไฟคลอกเสียชีวิต เมื่อวันที่ 13 มี.ค. ที่ผ่านมา แต่ปรากฎว่าเจ้าหน้าที่กลับไม่ได้ตรวจวัดระดับปริมาณแอลกอฮอล์และสารเสพติดในร่างกายภายใน 48 ชั่วโมง จนทำให้สังคมเกิดความแคลงใจในกระบวนการยุติธรรม โดยบทสัมภาษณ์ตอนหนึ่งระบุว่า
ธีระ : สารเสพติดมีอยู่ในร่างกายหรือเปล่า ตร.ยังไม่ได้ตรวจใช่ไหมครับ
พ.ต.อ.พงศ์พัฒน์ : วันนั้น ก็แจ้งให้ทางรพ. ช่วยตรวจสอบเลือดครับ ก็ยังไม่ได้รับรายงาน เป็นสิทธิ์ของเขา ไม่สามารถบังคับได้ ไม่เหมือนกรณีขับรถเมาสุรา"
กนก : ทางตร.ไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบผู้ขับขี่ได้หรือครับ ??
พ.ต.อ.พงศ์พัฒน์ : ก็แจ้งทางรพ.ขอความร่วมมือตรวจสอบไปแล้ว ผู้ขับเบนซ์อยู่ในอาการมึนงง
กนก : ตกลงทางตำรวจ ได้ขอให้ทางรพ.ตรวจ ไหมครับ ?
พ.ต.อ.พงศ์พัฒน์ : ขอครับ
กนก : แล้วทางรพ. ไม่ได้ตรวจ ?
พ.ต.อ.พงศ์พัฒน์ : ก็ทราบจากทางโรงพยาบาลที่แจ้งว่า ผู้บาดเจ็บไม่ยินยอม
กนก : เขามีสิทธิ์ หรือ เขาตกอยู่ในสภาพเป็นผู้ต้องหา ไม่ใช่หรือ
พ.ต.อ.พงศ์พัฒน์ : คงช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีผู้ได้รับความเสียหายหลายส่วน
ธีระ : แต่การตรวจเลือดว่ามีสารเสพติดหรือเปล่า โดยขอความร่วมมือกับโรงพยาบาล ผู้ขับรถชนคนตาย แม้จะมึนงงอะไรก็ตาม เขามีสิทธิ์ที่จะบอกว่า ผมไม่ตรวจ ผมไม่ยอม ได้หรือครับ
พ.ต.อ.พงศ์พัฒน์ : ทางพนักงานสอบสวนก็ประสานกับทางโรงพยาบาล ขอตรวจสอบแล้วนะครับ ยังไงผมขอเช็คในรายละเอียดอีกที แต่เบื้องต้นทราบว่าไม่มีผลตรวจสอบมานะครับ"
ทั้งนี้ เพจเฟซบุ๊กทนายคู่ใจ ได้หยิบยก พ.ร.บ.จราจรทางบก มาตรา 43 ทวิ มาอธิบายประกอบกรณีดังกล่าวว่า
อดไม่ได้ที่เขียนถึงข่าวร้อนเรื่องนี้ ยิ่งใครฟังบทสัมภาษณ์รายการสดของช่องเนชั่น ที่คุณกนก สอบถามเรื่องทำไมไม่ตรวจสารเสพติดผู้ต้องหา แล้วทางตำรวจแจ้งว่าเป็นสิทธิของผู้ต้องหาที่จะไม่ให้ตรวจ
ผมจึงไปค้นกฎหมายที่เกี่ยวข้องด้านการตรวจสารเสพติดขณะขับขี่รถยนต์มา ซึ่งตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก มาตรา 43 ทวิ ห้ามมิให้ผู้ขับขี่เสพยาเสพติดให้โทษตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ
พร้อมกันนั้นในวรรคสาม ยังให้อำนาจตำรวจในการกักตัวไว้ช่วงระยะเวลาหนึ่งจนกว่าผู้ต้องสงสัยจะยอมให้ตรวจสารเสพติดได้ "ในกรณีที่ผู้ขับขี่ตามวรรคสองไม่ยอมให้ตรวจสอบ ให้เจ้าพนักงานจราจร พนักงานสอบสวน พนักงานเจ้าหน้าที่ หรือผู้ตรวจการมีอำนาจกักตัวผู้นั้นไว้ เพื่อดำเนินการตรวจสอบได้ภายในระยะเวลาเท่าที่จำเป็นแห่งกรณีเพื่อให้การตรวจสอบเสร็จสิ้นไปโดยเร็ว และเมื่อผู้นั้นยอมรับการตรวจสอบแล้ว หากผลการตรวจสอบในเบื้องต้นปรากฏว่าไม่ได้เสพ ก็ให้ปล่อยตัวไปทันที"
คือผมฟังที่สัมภาษณ์สดแล้วงงว่าอะไรครับคือสิทธิของผู้ต้องหาที่จะไม่ให้ตำรวจตรวจว่าเสพยามาขับรถหรือเปล่า
ก็ในเมื่อตามกฎหมายท่านก็มีอำนาจกักตัวไว้ตรวจนี่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดกรุ'เจนภพ'ทายาทพันล้าน ควบเบนซ์หรูชน2นิสิตดับสยอง
แจ้งข้อหา'คนขับเบนซ์'ชน2นศ. ยันไร้กลิ่นเหล้า-จำเหตุการณ์ไม่ได้
ชมคลิปสัมภาษณ์ฉบับเต็มที่ : NationTV
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี