รมว.คมนาคมหนุนสะพานบึงกาฬ
นายพงษ์ศักดิ์ ปรีชาวิทย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ นางกุสุมา หงส์ชูตา ประธานหอการค้าจังหวัดบึงกาฬ ผู้นำชุมชน ผู้นำท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชน ต้อนรับ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในโอกาสที่เดินทางมาดูสถานที่ก่อสร้างสะพานเชื่อมไทย – ลาว แห่งที่ 5 บึงกาฬ – ปากซัน สถานที่ก่อสร้างสนามบิน และการก่อสร้างถนนสี่เลน เส้นบึงกาฬ – หนองคาย เพื่อพัฒนาขีดความสามารถกลุ่มจังหวัดชายแดนและจังหวัดใกล้เคียง
รมว.คมนาคม กล่าวว่า เรื่องระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานมีความจำเป็น โดยเฉพาะ จ.บึงกาฬ เป็นจังหวัดที่อยู่ห่างไกล โดยในปีนี้
ได้ดำเนินการขยายถนน 4 ช่องจราจ รระหว่างหนองคาย –บึงกาฬ ขณะนี้เหลือระยะทางเพียง 35 กิโลเมตร ที่จะเชื่อมต่อกับ จ.บึงกาฬ และในเรื่องของการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 5 บึงกาฬ – ปากซัน ทางกรมทางหลวงได้มีการสำรวจ ศึกษาเป็นที่เรียบร้อย และในปัจจุบันอยู่ในช่วงของการจัดการกรรมสิทธ์ที่ดิน ที่สำคัญคือหากไม่มีปัญหาเรื่องของกรรมสิทธิ์ที่ดินในการก่อสร้างก็จะสามารถดำเนินการได้เร็วกว่าที่กำหนดไว้และคงต้องใช้เวลาสักนิดในการพูดคุยกับ สปป.ลาว เพราะเป็นการตกลงร่วมกันของทั้งสองประเทศ
เตือนภัยเด็กจมน้ำช่วงปิดเทอม
นายชาญชัย รสจันทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) ยโสธร เขต 1 เปิดเผยว่า ช่วงปิดเทอมตั้งแต่เดือนมี.ค.– พ.ค. นี้ ขอฝากเตือนไปยังผู้ปกครองนักเรียนทุกท่านให้ใส่ใจบุตรหลานให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว มีความเสี่ยงภัยจมน้ำสูงที่สุด เนื่องจากเด็กๆ มักจะชวนกันไปเล่นน้ำตามแหล่งน้ำ เช่น ลำคลอง แม่น้ำ คูน้ำ สระน้ำ และมักจะเกิดปัญหาจมน้ำเกิดขึ้น เด็กจะช่วยตัวเองไม่ได้ และจะเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ หากเป็นไปได้ผู้ปกครองควรมีการสอนให้เด็กว่ายน้ำเป็น เป็นการสร้างทักษะชีวิตให้แก่เด็กด้วย ให้เด็กสามารถช่วยตัวเองได้ ยามเกิดเหตุคับขัน เนื่องจากเฉพาะช่วงปิดเทอมตั้งแต่เดือน มี.ค. – พ.ค.ของทุกปี การจมน้ำยังเป็นสาเหตุอันดับ 1 ในการเสียชีวิตของเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข เผยสถิติในรอบ 3 ปี มีเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี จมน้ำเสียชีวิตกว่า 4,000 ราย
กรุงเก่ามอบเงินแผนพัฒนาอาชีพ
นายประยูร รัตนเสนีย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานในการมอบเงินสนับสนุนโครงการตามแผนพัฒนาอาชีพเกษตรกร เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากการประสบปัญหาภัยแล้ง และสนับสนุนการประกอบอาชีพเกษตร ปี 2558/59 ตามมาตรการที่ 4 ระยะที่ 2 ครั้งที่ 1 จำนวน 10 อำเภอ 83 โครงการ งบประมาณ 28,063,142 บาท ที่ห้องประชุม 1 ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
นายไพศาล สังข์มงคล เกษตรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า จากสถานการณ์น้ำ และภาวะความแห้งแล้งอย่างต่อเนื่อง
ส่งผลให้เกษตรกรไม่สามารถปลูกพืชและทำนาได้ ก่อให้เกิดการว่างงานและขาดรายได้ โดยรัฐบาลได้ตระหนัก และมีความเป็นห่วงเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง จึงมีนโยบายให้ความช่วยเหลือเกษตรกรและประชาชนให้สามารถประกอบอาชีพและสร้างรายได้ คณะรัฐมนตรีจึงมีมติเห็นชอบโครงการตามแผนพัฒนาอาชีพเกษตรกรตามความต้องการของชุมชนเพื่อบรรเทาภัยแล้ง ปี 2558/59 โดยมอบให้กระทรวงมหาดไทย เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการ
ผู้ว่าฯพัทลุงลุยเยี่ยมประชาชน
ดร.วินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง พร้อมด้วย นางราตรี บัวประดิษฐ์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดพัทลุง นายฉลอง เทอดวีระพงศ์ นายอำเภอปากพะยูน หัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานต่างๆ นำคณะลงไปในหมู่บ้านต่างๆ ในพื้นที่ ต.ฝาละมี อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง ตามโครงการเยี่ยมบ้านยานเย็น ซึ่งเป็นโครงการที่ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง จัดให้มีขึ้นเพื่อสนองนโยบายของรัฐบาลในการเสริมสร้างความจงรักภักดี ความสามัคคีปรองดอง สมานฉันท์ และคืนความสุขให้กับประชาชน โดยนำคณะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมความเป็นอยู่ของประชาชนของตำบลฝาละมี นำสิ่งของและเงินช่วยเหลือไปมอบให้กับผู้ด้อยโอกาสในสังคม เช่น คนชราที่ไม่มีผู้ดูแล คนป่วย คนพิการ เพื่อให้กำลังใจในการต่อสู้ชีวิต พร้อมทั้งพบปะเพื่อนบ้านฝากให้ช่วยกันดูแล ไม่ทอดทิ้ง ให้โอกาสแก่ผู้ยากไร้ได้มีความสุขในการดำเนินชีวิต และมอบหมายให้สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เข้าไปช่วยเหลือดูแลให้สวัสดิการตามสิทธิที่ผู้ด้อยโอกาสจะได้รับ เช่น เงินช่วยเหลือคนพิการ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เป็นต้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี