2 พ.ค.59 เมื่อเวลา 10.00 น. ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ หัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายทวี นริสศิริกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน พ.ต.อ.ไชยกร ศรีหล้าเดโช ผกก.สภ.หัวหิน และตัวแทนสถานฑูตอังกฤษประจำประเทศไทย ได้เดินทางไปเยี่ยมอาการ นายลูอิส โอเว่น และ นางโรสแมรี่ เฮ โอเว่นสองสามีภรรยา ที่ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์รุมทำร้ายบาดเจ็บสาหัสในซอยบิณฑบาต เขตเทศบาลเมืองหัวหิน คืนวันสงกรานต์ที่ผ่านมา

โดยทั้งคู่มีกำหนดการตรวจร่างกายก่อนเดินทางไปให้ปากคำพยานศาลจังหวัดหัวหินในช่วงบ่ายวันเดียวกัน และจะเดินทางกลับประเทศอังกฤษในวันที่ 3 พ.ค.59  โดยมี น.พ.ธวัชชัย สุขสนอง ศัลยแพทย์ รพ.กรุงเทพ หัวหิน แพทย์ผู้ดูแลหลังตรวจร่างกายแล้วอาการปลอดภัย เหลือเพียงแต่รอยฟกช้ำเล็กน้อยที่ใบหน้าคนทั้ง 2 ทั้งนี้ หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล ได้มอบพวงมาลัย และกระเช้าดอกไม้ให้แสดงความเสียใจและขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

หม่อมหลวงปนัดดา กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ได้นำความรัก ความห่วงใยและความปรารถนาดีมายังสามีภริยาชาวอังกฤษ หลังถูกรุมทำร้ายขณะเดินทางมาฉลองวันเกิดลูกชาย ที่ อ.หัวหิน และได้สั่งกำชับทุกหน่วยงานให้ดูแลนักท่องเที่ยวจำนวนมากในช่วงเทศกาลสำคัญเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของประเทศ ซึ่งทราบว่า หลังเกิดเหตุมีเด็กนักเรียนชาวหัวหินอายุ 10 ขวบ ได้ออกมารณรงค์ให้ชาวหัวหินร่วมกันบริจาคเงินเพื่อเป็นค่ารักษาพยาบาลให้กับครอบครัวผู้เสียหาย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมในความมีน้ำใจ วันนี้ หลังพูดคุยกับ 2 ผัวเมียชาวอังกฤษแล้ว บอกรักประเทศไทย และเมืองหัวหินเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นก็ตาม แต่ต้องเดินทางกลับประเทศเพื่อไปพักฟื้นจิตใจและร่างกาย ในส่วนการเยียวยา ก็เป็นไปตามขั้นตอนการช่วยเหลือของกระทรวงการต่างประเทศ

ด้านนายทวี นริสศิริกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ในอนาคตจะมีมาตรการดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติเพื่อไม่ให้มีผลกระทบกับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวในระดับนานาชาติ โดยเฉพาะการใช้มาตรการ การจัดระเบียบสถานบันเทิง การควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในที่สาธารณะทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำต้องปฏิบัติตามกำหมายอย่างเคร่งครัด เนื่องจากสาเหตุที่มีการรุมทำร้ายเกิดจากการเมาสุรา

ขณะที่ 2 สามีภรรยาชาวอังกฤษ ระบุว่า จะเดินทางกลับมาท่องเที่ยวในประเทศไทยอีก เนื่องจากเดินทางมาพักผ่อนเป็นประจำทุกปี และ เข้าใจเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นอย่างดีว่าเป็นการกระทำของบุคคลเพียง 4 ราย ไม่ใช่คนไทยทั้งประเทศ