จีนล็อบบี้คนเชียงของ
ขอระเบิดแก่งน้ำโขง
เปิดทางเดินเรือใหญ่
ชาวบ้านชี้กระทบหนัก
เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม นายหลิว ลีหัว รองประธานบริษัท CCCC Second Harbor Consultant ซึ่งได้รับสัมปทานจากรัฐบาลจีนให้ดำเนินโครงการปรับปรุงร่องน้ำเพื่อการเดินเรือพาณิชย์ในแม่น้ำโขง ระยะที่ 2 ได้เดินทางมายังสำนักงานกลุ่มรักษ์เชียงของ อ.เชียงของ จ.เชียงราย เพื่อชี้แจงถึงการสำรวจและระเบิดแก่งในแม่น้ำโขงให้กับองค์กรภาคประชาชนในพื้นที่ โดยมีตัวแทนจาก กรมเจ้าท่า เข้าร่วมสังเกตการณ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเดินทางมาพบกันครั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นายนิวัตน์ ร้อยแก้ว ประธานกลุ่มรักษ์เชียงของ ได้ทำหนังสือถึง กรมเจ้าท่า เพื่อขอสอบถามความคืบหน้าโครงการปรับปรุงร่องน้ำเพื่อการเดินเรือพาณิชย์ในแม่น้ำโขง ระยะที่ 2 โดยเป็นการระเบิดแก่งต่างๆ ในลำน้ำโขงและขุดร่องน้ำเพื่อให้เรือขนาดใหญ่ 500 ตัน สามารถเดินทางในลุ่มน้ำโขงได้ตลอดทั้งปี ตามที่รัฐบาล 4 ประเทศ คือ จีน พม่า ลาว และไทย ได้ร่วมกันลงนามในข้อตกลงว่าด้วยการเดินเรือพาณิชย์ในแม่น้ำล้านช้าง-แม่โขง เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2543 และมีการดำเนินการในระยะแรกโดยระเบิดแก่งในประเทศพม่า จีน และลาว ไปแล้วกว่า 10 แห่ง แต่ต่อมาโครงการได้หยุดชะงักลงไป เรื่องจากถูกชาวบ้านในท้องถิ่นคัดค้าน และเกิดปัญหาเขตแดนระหว่างไทยและลาว กระทั่งช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา มีการพบเห็นเรือสำนวจของจีนในแม่น้ำโขง จึงทำให้ชาวบ้านในพื้นที่เกิดความกังวลใจว่าอาจจะมีการรื้อฟื้นโครงการและมีการระเบิดแก่งในลำน้ำโขง ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตของคนในพื้นที่
ทั้งนี้ นายหลิว ยอมรับว่า หลังรับทราบข่าวความกังวลใจของคนในท้องถิ่นจึงตัดสินใจเดินทางมานำเสนอข้อมูลและรับฟังคำเสนอแนะจากชาวบ้าน โดยบริษัทเป็นผู้ชนะการประมูลโครงการในเฟสที่ 2 และได้รับงบประมาณดำเนินการขั้นแรก คือ ออกแบบ สำรวจ และจัดทำรายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสังคม (ESIA) ตามแผนหลักที่ 4 ประเทศร่วมกันวางไว้ โดยแบ่งการสำรวจพื้นที่เป็น 3 ส่วน คือ 1.พรมแดนจีน พม่า ลาว เหนือเชียงแสน 2.พื้นที่ในลาวลงไปถึงหลวงพระบาง และ 3.พรมแดนไทย-ลาว ซึ่งใน 2 ส่วนแรกได้เริ่มทำการสำรวจไปแล้วตั้งแต่เดือนสิงหาคม แต่ส่วนที่ 3 คือ พรมแดนไทย-ลาว ยังไม่ได้ดำเนินการ เนื่องจากรัฐบาลไทยยังไม่อนุญาต ดังนั้นหากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไทยให้ความเห็นชอบแล้วก็หวังว่าจะเริ่มการสำรวจได้ โดยจะดำเนินการร่วมกับหน่วยงานไทยและการมีส่วนร่วม ซึ่งจากผลการดำเนินการในเฟสแรกที่ดำเนินการแล้วเสร็จเมื่อปี 2547 ทำให้เกิดการเดินเรือในแม่น้ำโขงเพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะในลาว คุณภาพชีวิตของชาวลาวดีขึ้น ชาวบ้านซื้อเรือขนส่งสินค้าจนร่ำรวย
ขณะที่ นายนิวัฒน์ ร้อยแก้ว ประธานกลุ่มรักษ์เชียงของ กล่าวว่า เข้าใจถึงการเล็งเป้าหมายของจีนโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจและผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น แต่การระเบิดแก่งต้องคำนึงถึงรายละเอียดทางวิชาการและผลประโยชน์ด้านอื่นๆ ของคนในท้องถิ่นด้วย
“ประเด็นใหญที่คนท้องถิ่นไม่พอใจ คับข้องใจ เพราะการกระทำของจีนในช่วงที่ผ่านมา ไม่เคยบอกรายละเอียดของภาพรวมโครงการทั้งหมด ท่านบอกแค่เป็นตอนๆ เราไม่ได้ต่อต้านการเดินเรือค้าขาย แต่เราต่อต้านการค้าขายที่ไม่เป็นธรรม เราเองก็ได้ศึกษาในพื้นที่ที่ท่านจะดำเนินการมาตลอดเวลา และเราเห็นคุณค่าของระบบนิเวศ หินผา ดอน เรามีกระบวนการงานวิจัยของเรา ใครได้ใครเสียเราเข้าใจร่วมกันอยู่ แต่เราเชื่อว่าที่มีหนทางที่เราอยู่ร่วมกันได้ สิ่งไหนที่เลี่ยงได้ไม่ต้องทำลายคุณก็ต้องรักษาไว้”
นายนิวัฒน์ กล่าวต่อว่า เราเข้าใจว่าแก่งหนึ่งแก่งไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่จากข้างบนถึงหลวงพระบางมีกี่แก่งที่จะต้องถูกทำลาย การทำลายระบบนิเวศ คือ ฆ่าแม่น้ำโขง ฆ่าสิ่งมีชีวิตแม่น้ำโขง และคนที่พึ่งพาด้วย ขณะนี้การค้าขายเชื่อมโยงไปได้แล้วด้วยถนน R3A สะพานมิตรภาพแห่งที่สี่หมดไปกี่หมื่นล้าน คุณค้ากันเต็มที่เราไม่ว่า แต่แม่น้ำโขงควรเหลือไว้ให้คนท้องถิ่นด้วยให้เขาหาอยู่หากิน อยากฝากด้วยหัวใจของเรา
“ถามพวกคุณว่า เรื่องนี้เรารับรอง ถึงแม้รัฐบาลจะพูดอย่างไร เราต้องลุกขึ้นมาปกป้องบ้านเมืองของเราแน่นอน เรายังไม่อยากพูดถึงเรื่องน้ำ ความมั่นคงระหว่างประเทศ อยากฝากผลกระโยชน์การให้เกียรติกัน เป็นเรื่องสำคัญ ผมยังไม่พูดถึงข้อบังคับการเดินเรือหากระเบิดเกาะแก่งแล้วว่า จะมีผลต่อชาวบ้านอย่างไร ห้ามเก็บไม้ไหลน้ำ ซึ่งเป็นวิถีของชาวบ้าน ห้ามล่องแพ ห้ามวางตาข่ายในร่องน้ำ จริงๆไม่ต้องห้ามหรอกหากเรือ 500 ตันมา เราออกเรือเล็กไม่ได้อยู่แล้ว เรื่องนี้ต้องคุยกันก่อน โดยในอนาคตเราคงจะได้มีหนังสือถึงบริษัทของท่านเพื่ออธิบายในรายละเอียดว่าชาวบ้านคิดอย่างไร” นายนิวัฒน์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี