6 มี.ค.61 ที่โรงแรมเซ้าเทิร์นลันตา อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ กลุ่มองค์กรธุรกิจ จำนวน 21 องค์กรธุรกิจกระบี่ แถลงข่าวจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ว่าด้วยยุทธศาสตร์การพัฒนา krabi go green ยุติโรงไฟฟ้าถ่านหิน ในวาระที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน แต่งตั้งกรรมการเพื่อจัดทำการประเมินเชิงยุทธศาสตร์ เพื่อหาทางออกสำหรับความขัดแย้งโรงไฟฟ้าถ่านหิน โดยกล่าวถึงการประเมินการพัฒนาเชิงยุทธศาสตร์จังหวัดกระบี่ แท้จริงแล้วมีการประเมินและตกผลึกมาก่อนหน้านี้ด้วยหลักการทางวิชาการ ความเห็นของทุกภาคส่วนในจังหวัดกระบี่ที่จะนำพากระบี่ไปสู่วิสัยทัศน์ krabi go green
นายธีพจน์ กสิรวัฒน์ ผู้แทน 21 องค์กรธุรกิจ กล่าวว่า การประเมินเชิงยุทธศาสตร์ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานมีคำสั่งให้จัดทำนั้น ภาคีเครือข่ายเอกชน ประชาชน ที่ปรากฎในจดหมายเปิดผนึกนี้ ขอยืนยันว่า จังหวัดกระบี่ได้จัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาและนำมาปฏิบัติแล้วเป็นเวลาหลายปี และปัจจัยคุกคามสำคัญสำหรับการบรรลุยุทธศาสตร์คือ การเกิดขึ้นของโรงไฟฟ้าถ่านหินก่อนหน้านี้มีการศึกษาเชิงยุทธศาสตร์สำคัญ 3 ประการ ที่เป็นการตกผลึกร่วมกันที่จะนำพากระบี่ไปสู่การพัฒนาแบบยั่งยืน
1.ปี พ.ศ.2556 มีการจัดทำวิสัยทัศน์กระบี่ 2020 ว่าด้วยการพัฒนากระบี่ไปสู่ความยั่งยืนหรือ krabi go green ซึ่งเป็นการจัดทำของทุกภาคส่วนในจังหวัดจนกลายเป็นยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดที่สำคัญและยึดถือปฏิบัติร่วมกันมา
2.การศึกษาของคณะกรรมการ 3 ฝ่าย ซึ่งแต่งตั้งโดยนายกรัฐมนตรี เพื่อประเมินและศึกษายุทธศาสตร์การใช้พลังงานหมุนเวียนของจังหวัดกระบี่ ในปี 2559 ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนจากกระทรวงพลังงาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย สมาชิกสภานิตบัญญัติ นักวิชาการ มีผลสรุปออกมาร่วมกันว่ากระบี่มีศักยภาพการทำพลังงานหมุนเวียนได้ 1,700 เมกกะวัตต์
3.มีการริเริ่มศึกษาศักยภาพพื้นที่อันดามันของคณะนักวิชาการเพื่อนำไปสู่การจดทะเบียนเป็นมรดกโลก ซึ่งในงานศึกษาพบความมหัศจรรย์จำนวนมากของระบบนิเวศที่มีอยู่ในฝั่งอันดามันตั้งแต่จังหวัดสตูลจนถึงระนอง แสดงให้เห็นถึงความพิเศษของระบบนิเวศที่ควรค่าแก่การรักษาไว้
ด้าน นายอมฤติ ศิริพรจุฑากุล ตัวแทน 21 องค์กรธุรกิจ กล่าวถึงความเป็นมาของยุทธศาสตร์ กระบี่ go green ว่ามีการร่วมกันจัดทำและได้ปฏิบัติกันมานานแล้วโดยในภาวะที่กระบี่มีภัยคุกคามเรื่องโรงไฟฟ้าถ่านหิน เมื่อประเมินเชิงยุทธศาสตร์แล้วพบว่าการพัฒนาการท่องเที่ยวสีเขียวควบคู่กับพลังงานหมุนเวียนจะนำไปสู่การเติบโต ความยั่งยืน ได้มากกว่า ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
1.ตัวเลขทางเศรษฐกิจการท่องเที่ยวบ่งชี้ว่ามูลค่าการท่องเที่ยว 3 จังหวัดหลักในพื้นที่อันดามัน คือ กระบี่ ภูเก็ต พังงา มีมูลค่าจำนวน 5 แสนล้านบาท ก่อเกิดห่วงโซ่ทางเศรษฐกิจจำนวนมาก
2.จากงานวิจัยของธนาคารแห่งประเทศไทยสาขาภาคใต้เกิดการจ้างงานในสาขาการท่องเที่ยวมากถึง 430,170 ตำแหน่งในปี 2557 ซึ่งเป็นบทพิสูจน์ว่าการท่องเที่ยวสามารถจ้างงานได้จำนวนมากและมีกิจการที่ต่อเนื่องจากการท่องเที่ยวจำนวนมาก
3.ภาคใต้ฝั่งอันดามันมีระบบนิเวศที่มีความสำคัญระดับนานาชาติคือพื้นที่ชุ่มน้ำที่ได้รับการยกย่องให้มีความสำคัญระดับนานาชาติหรือแรมซ่าร์ไซด์ในจังหวัด ตรัง กระบี่ พังงา ระนอง มีพื้นที่รวมกว่า 1.5 ล้านไร่ ซึ่งเป็นนิเวศที่มีความสำคัญต่อความมั่นคงอาหารและนิเวศการท่องเที่ยว
4.สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวเกาะลันตาได้ทำแบบสำรวจความคิดเห็นของนักท่องเที่ยวโดยได้รับการสนับสนุนทางวิชาการจากนักวิชาการมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ เพื่อสำรวจความเห็นนักท่องเที่ยวกับการเกิดขึ้นของโรงไฟฟ้าถ่านหิน จำนวน 1,129 คน จาก 30 ประเทศ พบประเด็นสำคัญว่านักท่องเที่ยวร้อยละ 90 ตอบว่าจะไม่กลับมาเที่ยวอีกหากเกิดโรงไฟฟ้าถ่านหินในจังหวัดกระบี่
เนื้อหาของแถลงการโดยสรุปคือกระบี่มีความชัดเจนในเชิงยุทธศาสตร์กระบี่มีมาตั้งแต่ปี 2556 ฉะนั้น ขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานยุติโรงไฟฟ้าถ่านหิน จึงเป็นยุทธศาสตร์ที่ต้องชัดเจนเช่นกัน เพื่อให้ ความยั่งยืนเกิดขึ้นได้
สำหรับ 21 องค์กรธุรกิจ ประกอบด้วย
1.สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่
2.หอการค้าจังหวัดกระบี่
3.สภาอุตสาหกรรมจังหวัดกระบี่
4.สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่
5.สมาคมธุรกิจท่องเที่ยววิถีชุมชนจังหวัดกระบี่
6.สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวเกาะลันตา
7.สภาคมการโรงแรมเกาะลันตา
8.สมาคมประมงจังหวัดกระบี่
9.สภาวัฒนธรรมจังหวัดกระบี่
10.สภาเกษตรกรจังหวัดกระบี่
11.สมาคมชาวสวนยางจังหวัดกระบี่
12.สมาคมคนรักษ์เลจังหวัดกระบี่
13.ชมรมท่องเที่ยวอ่าวนาง
14.กลุ่มพิทักษ์พีพีจังหวัดกระบี่
15.ชมรมท่องเที่ยวเกาะพีพีจังหวัดกระบี่
16.ชมรมท่องเที่ยวหาดไร่เลย์จังหวัดกระบี่
17.สโมสรไลออนจังหวัดกระบี่
18.สโมสรโรตารี่จังหวัดกระบี่
19.ชมรมร้านอาหารจังหวัดกระบี่
20.สมาคมค้าส่งค้าปลีกจังหวัดกระบี่
21.ชมรมร้านอาหารฮาลาลจังหวัดกระบี่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี