8 มิ.ย.61 ที่บริเวณทางเข้าบ้านคำมะโฮ หมู่ 7 ต.คำเหมือดแก้ว อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ ด้านทิศเหนือ ตัวแทนชาวบ้านจำนวน 10 คน นำโดยนายทรงเดช ชัยเลิศ และนางศิริรัตน์ ภูแช่มโชติ ซึ่งทั้ง 2 เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านคำมะโฮ หมู่ 7 พร้อมด้วยนายสมศรี น้อยเสนา อดีตผู้ใหญ่บ้านคำมะโฮ นายประหยัด ภูเต้าทอง กรรมการหมู่บ้าน นายเกรียงศักดิ์ พิชัยช่วง และนายสวัสดิ์ บุญหล้า ตัวแทนชาวบ้าน ได้รวมตัวกันเข้าตรวจสอบแนวเขตพื้นที่สาธารณะริมถนนสาย ต.หัวนาคำ อ.ยางตลาด – ต.คำเหมือดแก้ว อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งติดกับพื้นที่หนองใหญ่แหล่งน้ำสาธารณะ และติดกับที่ดินของชาวบ้าน โดยชาวบ้านระบุว่ามีนักการเมืองท้องถิ่นคนหนึ่งใน ต.คำเหมือดแก้ว บุกรุกพื้นที่สาธารณะบางส่วน โดยการถมบ่อน้ำมาเป็นที่ดินของตนเองและสร้างโรงฆ่าหมู
นายสมศรี น้อยเสนา อดีตผู้ใหญ่บ้านคำมะโฮ หมู่ 7 ต.คำเหมือดแก้ว อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า สำหรับพื้นที่บริเวณที่ได้เข้ามาตรวจสอบครั้งนี้ ชาวบ้านคำมะโฮ ต.คำเหมือดแก้ว หรือรวมทั้งชาวบ้านตำบลใกล้เคียงเช่น ต.กุดโดน ต.ห้วยเม็ก อ.ห้วยเม็ก ต.หัวนาคำ ต.โนนสูง ต.อิตื้อ อ.ยางตลาด และ ต.ชื่นชม อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม ต่างทราบกันดีว่าเป็นที่สาธารณะมาตั้งแต่ก่อตั้งหมู่บ้านกว่า 100 ปีแล้ว โดยเฉพาะที่บริเวณหัวมุมติดถนน หรือชื่อเดิมเรียกว่าถนน รพช. เดิมเคยมีบ่อน้ำเล็กๆห่างจากหนองใหญ่แหล่งน้ำสาธารณะปัจจุบันประมาณ 30 เมตร ซึ่งชาวบ้านเรียกว่าบ่อน้ำตื้นโดยบ่อนี้จะมีน้ำสะอาดใสไหลซึมจากใต้ดินขึ้นมาตลอดปี ชาวบ้าน 6-7 ตำบล ใช้ประโยชน์ในการอุปโภคบริโภคเรื่อยมาหลายชั่วอายุคน
นายสมศรี กล่าวอีกว่า ในปี 2527 ทางอำเภอได้จัดให้มีการประกวดหมู่บ้าน ซึ่งหลักเกณฑ์ของหมู่บ้านที่จะมีสิทธิ์เข้ารับการประกวดนั้น จะต้องมีบ่อน้ำสาธารณะประจำหมู่บ้านด้วย ซึ่งบ้านคำมะโฮก็อยู่ในเงื่อนไขที่เข้าร่วมประกวด โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากทางอำเภอมาดำเนินการปรับปรุงบ่อน้ำ ให้ได้มาตรฐาน คุณภาพน้ำสะอาด และอีกลายปีต่อมา ก็ได้รับงบประมาณจากสภาตำบล มาพัฒนาเพิ่มเติมอีก เพราะเป็นที่สาธารณะ เป็นสมบัติของส่วนรวม จึงสามารถพัฒนามาได้อย่างต่อเนื่อง
โดยไม่มีบุคคลใดอ้างสิทธิ์เป็นเจ้าของ ซึ่งชาวบ้านเองก็ช่วยกันดูแลรักษาอย่างดี นอกจากนี้ยังเชื่อว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เพราะมีปู่ใหญ่สิงสถิต และคอยคุ้มครอง ไม่ให้มีเหตุเภทภัยใดๆเกิดขึ้น ตลอดทั้งดลบันดาลให้มีน้ำใสสะอาดซึมออกมาหล่อเลี้ยงสรรพชีวิตชาวบ้านมานานนับร้อยๆปี จึงนับถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำหมู่บ้าน
ด้านนายสวัสดิ์ บุญหล้า อายุ 69 ปี บ้านเลขที่ 27 หมู่ 7 บ้านคำมะโฮ ต.คำเหมือดแก้ว อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ในปี 2559 บริเวณที่เป็นบ่อน้ำติดกับถนนเส้นนี้ กลับถูกยึดครองโดยนักการเมืองท้องถิ่นคนหนึ่งใน ต.คำเหมือดแก้ว ที่ได้มาซื้อที่ดินปลูกสร้างที่พักอาศัยในบริเวณใกล้กัน จากนั้นทำการล้อมรั้วและอ้างสิทธิ์ยึดครองในส่วนที่เป็นบ่อน้ำเดิม โดยถมบ่อน้ำทำเป็นคอกเลี้ยงหมูและโรงเชือดหมู นอกจากนี้ จากการสำรวจยังพบว่าด้านหลังบ้านยังสร้างตัวบ้านยื่นออกไปยังส่วนที่เป็นแนวคันดินของหนองน้ำสาธารณะอีกด้วย
นายสวัสดิ์ กล่าวอีกว่า เมื่อเห็นพฤติการณ์บุกรุกที่สาธารณะ ผู้นำหมู่บ้านและชาวบ้านก็ได้ไปทักท้วง และพูดคุยกันดีๆ แต่นักการเมืองท้องถิ่นรายนี้ไม่ยอมถอย ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์พายุพัดถล่มหมู่บ้านเสียหายกว่า 40 หลังคาเรือนเมื่อ 2 เดือนก่อน ชาวบ้านจึงหวาดผวา เพราะไม่เคยเกิดเหตุการณ์นี้ในหมู่บ้านที่ก่อตั้งมานานนับ 100 ปี ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ร้ายขึ้นอีก จึงได้ร่วมกันลงชื่อขอมติกว่า 200 เสียง และร้องเรียนไปถึงนายอำเภอห้วยเม็ก เพื่อให้มีการตรวจสอบแนวเขตใหม่ ทั้งหน้าบ้าน หลังบ้าน และขอคืนพื้นที่สาธารณะให้ชาวบ้านใช้ประโยชน์ร่วมกันด้วย เพราะเชื่อว่าการบุกรุกนั้นเป็นการลบหลู่ปู่ใหญ่ สิ่งศักดิ์สิทธิประจำหมู่บ้านอย่างร้ายแรง ทำให้เกิดภัยพิบัติดังกล่าว นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้มีการตรวจสอบโรงฆ่าหมูด้วยว่าทำถูกต้องหรือไม่
ด้านนายวิทูล วิชัยวงษ์ รองประธานสภาเทศบาลตำบลคำเหมือดแก้ว กล่าวว่า ตนได้ซื้อที่ดินแปลงนี้จากเจ้าของที่เดิมในปี 2559 โดยเป็นโฉนดที่ดิน เนื้อที่ประมาณ 2 งาน 3 ตารางวา ส่วนที่มีตัวแทนชาวบ้านและชาวบ้านออกมาทักท้วง และลงมติขอให้ตนคืนพื้นที่ที่อ้างว่าเป็นที่สาธารณะ ที่เคยเป็นบ่อน้ำเดิมนั้น ตนไม่เข้าใจว่า เอาสิทธิ์อะไรมาอ้าง อยู่ดีๆจะให้ตนถอยออกไปเป็นคงเป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้ เพราะตนไม่ได้มาอยู่เปล่า แต่ได้เข้ามาอยู่ด้วยการซื้อต่อจากเจ้าของกรรมสิทธิ์เดิม มีเอกสารสิทธิ์ชัดเจน และยืนยันว่าไม่ได้บุกรุกพื้นที่สาธารณะ
ขณะที่นายสุเทพ ชัยวัฒน์ นายอำเภอห้วยเม็ก กล่าวว่า หลังจากได้รับหนังร้องเรียนจากชาวบ้านคำมะโฮ หมู่ 7 ต.คำเหมือดแก้ว ซึ่งเรียกร้องให้มีการตรวจสอบแนวเขต ทั้งในส่วนที่ติดกับถนนด้านหน้าบ้าน กับส่วนที่ติดกับหนองน้ำสาธารณะหลังบ้าน รวมทั้งส่วนที่ระบุว่าเป็นบ่อน้ำตื้น และทำโรงฆ่าสัตว์นั้น จะได้ประสานส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักงานที่ดิน ทางหลวง หรือ รพช. และปศุสัตว์ ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป โดยยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี