นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยความคืบหน้าการพิจารณาการควบคุมวัตถุอันตราย พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซต ว่า ได้มอบหมายให้กรมวิชาการเกษตรเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการเรื่องดังกล่าว ซึ่งขณะนี้กรมวิชาการเกษตรได้ตั้งคณะกรรมการทำงานกำหนดหลักเกณฑ์ ร่วมกันทุกภาคส่วน เพื่อหาทางออกเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยต้นเดือนกรกฎาคม 2561 จะเชิญองค์กรอิสระ ภาคธุรกิจ ผู้ประกอบการ เกษตรกร รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ และเอกชน มาช่วยกันยกร่างว่า สิ่งที่กรมได้ศึกษามา ยังขาดเหลืออะไร และควรเพิ่มเติมอะไรบ้าง ทั้งนี้เพื่อให้ทุกฝ่ายมีความเห็นตรงกัน และจะนำไปเสนอต่อคณะกรรมการวัตถุอันตราย ในการนำไปยกร่างกฎหมายบังคับใช้ต่อไป
ด้าน นายสุวิทย์ ชัยเกียรติยศ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า จะยังไม่มีการยกเลิกการใช้สารดังกล่าว แต่จะส่งนักวิชาการเกษตรลงพื้นที่ร่วมกับท้องถิ่นทุกจังหวัด เร่งให้ความรู้กับเกษตรกร เช่น การจำกัดการใช้ โดยเฉพาะกลุ่มพืชผักสวนครัว จะห้ามไม่ให้เกษตรกรใช้สารดังกล่าวในการกำจัดวัชพืช เพราะไม่เหมาะสมและเป็นอันตราย แต่สารดังกล่าวเหมาะกับพืชกลุ่มอ้อย ยางพารา มันสำปะหลัง มากกว่า และหลังจากนี้จะเดินหน้าส่งนักวิชาการให้ความรู้ การใช้ที่ถูกวิธี เช่น การสวมใส่อุปกรณ์ป้องกัน จะช่วยลดปัญหาการได้รับอันตรายจากการใช้สาร เพราะในประเทศสหรัฐอเมริกา ก็มีการใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่ใช้แบบถูกวิธีจนทำให้ไม่เกิดอันตราย ทั้งนี้ยืนยันว่า การใช้สารพาราควอตถ้าใช้ถูกวิธีจะเป็นผลดีต่อเกษตรกรอย่างมาก เพราะจะสามารถช่วยลดต้นทุนการผลิตได้อย่างมหาศาล โดยมีข้อมูลเปรียบเทียบระหว่างสารพาราควอต กับสารกลูโฟซิเนต ซึ่งพาราควอตจะออกฤทธิ์ให้วัชพืชตายภายใน 1-2 ชั่วโมงหลังฉีดพ่น และมีระยะปลอดฝนหรือระยะเวลาที่ฝนจะไม่ตกชะล้างสารเคมีก่อนที่ต้นพืชจะดูดซึมเข้าไป เพียงครึ่งชั่วโมง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี