5 ก.ย.61 สมาคมชาวไร่ยาสูบสุโขทัยร่วมกับตัวแทนภาคียาสูบประเทศไทย ชี้แจงถึงสถานการณ์อุตสาหกรรมกับสมาชิก 850 คน หลังการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) ประกาศลดโควต้ารับซื้อใบยาลงร้อยละ 50 วอนรัฐยกเลิกร่างกฎหมายเก็บภาษีบุหรี่สมทบกองทุนบัตรทอง พร้อมสนับสนุนการเลื่อนภาษียาสูบ 40% โดยมีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตร เข้าร่วมรับฟังด้วย
โดยนายสุครีพ บุญชุ่ม นายกสมาคมชาวไร่ยาสูบเบอร์เล่ย์ จ. สุโขทัย กล่าวว่า พวกเราชาวไร่กำลังเดือดร้อนจากผลกระทบของภาษีสรรพสามิตยาสูบ เพราะ ยสท. เพิ่งประกาศลดปริมาณการรับซื้อใบยาจากชาวไร่ทุกสายพันธุ์ จังหวัดสุโขทัยเคยได้รับโควต้าปีละ 5.3 ล้าน กก. แต่ปีนี้เหลือเพียง 2.77 ล้าน กก. หรือลดลงไปกว่า 52% ซึ่งทำให้ชาวไร่มีรายได้ไม่เพียงพอที่จะดำรงชีพและชำระหนี้สินจากการกู้ยืมมาซ่อมแซมโรงบ่มยา แถมรัฐบาลจะมาซ้ำเติมด้วยการภาษีจากยาสูบซองละ 2 บาทเพื่อสมทบกองทุนบัตรทอง ยิ่งจะทำให้อุตสาหกรรมแย่ลงไปอีก บีบคั้นให้อาชีพของเราต้องหายไปจากจังหวัดสุโขทัย สมาชิกของเรากว่า 850 คนเลยมาร่วมลงชื่อเพื่อคัดค้านร่างกฎหมายนี้
นายสุครีพ ยังแสดงความกังวลต่อกรณีที่กระทรวงสาธารณสุขจัดทำร่างพ.ร.บ.จัดเก็บเงินสมทบเพื่อสนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของหน่วยบริการภาครัฐ พ.ศ ... เพื่อจัดเก็บเงินสมทบจากผลิตภัณฑ์ยาสูบในอัตรามวนละ 10 สตางค์ หรือซองละ 2 บาท เพื่อสมทบเข้ากองทุนสำนักงานหลักประกันเงินสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ว่าจะยิ่งทำให้สถานการณ์ตลาดบุหรี่แย่ลงอีก การเก็บภาษีเข้ากองทุนบัตรทองจะส่งผลกระทบแรงเหมือนการนำอัตราภาษี 40% มาใช้เร็วขึ้น เพราะบุหรี่ราคา 60 บาทถ้าต้องปรับราคาเพิ่มอีก 2 บาทก็ต้องไปเสียภาษีเพิ่มอีก 2 เท่าเป็น 40% ทำให้ราคาบุหรี่ต้องปรับเพิ่มไปเป็น 90 บาท และถ้าหากบุหรี่ราคาแพงขึ้น ผู้สูบบุหรี่จะหันไปสูบบุหรี่เถื่อนและยาเส้นกันหมด ชาวไร่ยาสูบก็ขายใบยาไม่ได้เพราะ ยสท. ลดการผลิต รัฐบาลก็จะเก็บเงินสมทบไม่ได้ตามที่ตั้งเป้าไว้ ฉะนั้น รัฐบาลยังไม่ควรออกมาตรการใดๆ เพื่อมาเก็บภาษีเพิ่มเติมจากสินค้าบุหรี่เป็นการซ้ำเติมชาวไร่ยาสูบอีก
ภาพรวมอุตสาหกรรมยาสูบหดตัวลง 15% หลังจากกรมสรรพสามิตประกาศปรับอัตราภาษียาสูบ เมื่อเดือนกันยายน 2560 ที่ผ่านมา จนทำให้ ยสท. ต้องประกาศลดโควต้าการรับซื้อใบยาลดลงเฉลี่ยร้อยละ 50 ทุกสายพันธุ์ ล่าสุด ผู้ว่าการ ยสท. เปิดเผยว่ากระทรวงการคลังแจ้งอย่างไม่เป็นทางการว่าจะขยายเวลาการปรับขึ้นภาษีบุหรี่ 40% ออกไปอีก 2 ปี เป็นวันที่ 1 ต.ค.64 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของชาวไร่
นายสุธี ชวชาติ นายกสมาคมผู้บ่ม ผู้เพาะปลูก และผู้ค้าใบยาสูบ จ. ลำปาง และตัวแทนภาคียาสูบประเทศไทย กล่าวว่า ความเดือดร้อนของชาวไร่ยาสูบทั่วประเทศเริ่มต้นมาจากการปรับอัตราภาษีสรรพสามิตใหม่ ทำให้ราคาบุหรี่ขยับขึ้น ยอดขายและกำไรของ ยสท. ลดลง เลยทำให้ไม่มีเงินซื้อใบยาจากชาวไร่ พวกเราต้องออกมาต่อสู้เรียกร้องตลอด 3-4 เดือนที่ผ่านมา ให้ ยสท. รับซื้อใบยาตามปกติ และขอให้รัฐบาลพิจารณาเลื่อนการปรับขึ้นภาษีอัตราร้อยละ 40 ในทุกช่วงราคาออกไปก่อน เพื่อชะลอความรุนแรงของปัญหายอดขายของ ยสท. แม้จะมีรายงานข่าวออกมาว่ากระทรวงการคลังได้พิจารณาเลื่อนภาษีอัตราร้อยละ 40 ในทุกช่วงราคาออกไปอีก 2 ปี แต่ก็ยังไม่ได้รับการ ยืนยันอย่างเป็นทางการ ชาวไร่ทางภาคเหนือก็โดนลดโควตาเหลือแค่ 53% เราต้องพยายามเรียกร้องต่อไป อย่างน้อยขอให้ได้สัก 80% จะได้พอเลี้ยงชีพจ่ายหนี้ได้
นายอรุณ โปธิตา ชาวไร่ยาสูบบ่มเอง จังหวัดเชียงใหม่ ให้ความเห็นเพิ่มเติมในกรณีนี้ว่า การขึ้นภาษียาสูบแต่ละครั้ง จะยิ่งทำให้อุตสาหกรรมยาสูบหดตัวลง ซึ่งคนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คือชาวไร่ยาสูบที่รายได้น้อยและไม่มีหนทางทำมาหากินอื่น การให้สวัสดิการด้านสุขภาพกับประชาชนเป็นเรื่องที่ดี แต่ทำไมต้องมาเจาะจงเก็บภาษีจากสินค้าบุหรี่เพียงอย่างเดียว อยากให้รัฐบาลยกเลิกกฎหมายนี้ไปก่อน หรือไปพิจารณาใช้งบสนับสนุนจากกองทุน สสส. หรือเก็บจากภาษีสินค้าอื่นๆ เช่น เหล้า สุรา แทน
ด้านนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตร ซึ่งตั้งใจเข้าร่วมประชุมเพื่อรับฟังความเดือดร้อนของชาวไร่ กล่าวว่า รู้สึกเห็นใจชาวไร่ยาสูบที่กำลังเผชิญภัยคุกคามจากรอบด้าน ทั้งจากการลดการรับซื้อใบยาเพราะการบริหารที่ผิดพลาดของ ยสท. ภาษีบัตรทองก็จ่อจะมาเก็บเพิ่มอีก การมาพูดคุยกับชาวไร่และรับหนังสือร้องเรียนในวันนี้ก็จะนำไปเสนอให้กับท่านนายกรัฐมนตรีได้รับทราบถึงปัญหาของชาวไร่ยาสูบต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี