“...ปิดทองไปข้างหลังพระเรื่อยๆ แล้วทองจะล้นออกมาที่หน้าพระเอง...” พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงแฝงไปด้วยปรัชญาอันลึกซึ้ง เพื่อการมุ่งมั่นกระทำความดีอย่างไม่ย่อท้อ เพื่อปณิธานในการทำหน้าที่เพื่อหน้าที่โดยถือว่าความสำเร็จในการทำหน้าที่เป็นบำเหน็จรางวัลอันสมบูรณ์แล้ว ไม่จำเป็นที่จะต้องประกาศการกระทำนั้นให้เป็นที่เปิดเผย โดยพระองค์ทรง “ปิดทองหลังพระ” มาเนิ่นนาน ที่ก่อให้เกิดปรัชญาในการดำรงชีวิต ทฤษฎีในการปฏิบัติตน และโครงการพระราชดำริมากกว่า 4,000 โครงการทั่วประเทศ
ด้วยพระราชปณิธานอันเข้มแข็งในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และแบบอย่างจากพระราชกรณียกิจนี้เอง คือจุดกำเนิดของโครงการปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ เมื่อปี 2551 โดยมีเป้าหมายให้ประชาชนสามารถเรียนรู้และสร้างประสบการณ์ตรงจากแนวพระราชดำริมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ยกระดับฐานะความเป็นอยู่และส่งเสริมอาชีพประชาชน รวมทั้งส่งเสริมความรู้ความเข้าใจและกระตุ้นจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมและศิลปวัฒนธรรมไทย ซึ่งในเวลาต่อมา คณะรัฐมนตรีจึงมีมติเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2552 ให้จัดตั้งเป็น “มูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ” เพื่อให้การสืบสานแนวพระราชดำริขยายผลสู่ชุมชนท้องถิ่นได้อย่างรวดเร็วและกว้างขวางยิ่งขึ้น โดยมุ่งเน้นการบูรณาการความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดแนวทางที่หลากหลายในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาประเทศตามภูมิสังคมอย่างยั่งยืนตามแนวพระราชดำริ
โครงการบูรณาการแก้ไขปัญหาและพัฒนาพื้นที่ จ.น่าน ตามแนวพระราชดำริ เป็นพื้นที่ต้นแบบแห่งแรกของมูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ เมื่อเห็นผลสำเร็จในระดับชุมชนที่อยู่รอดได้อย่างพอเพียงแล้ว จึงมีการขยายโครงการไปที่โครงการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนอ่างเก็บน้ำห้วยคล้ายอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.อุดรธานี และมีเป้าหมายขยายผลปิดทองหลังพระไปสู่ 18 หมู่บ้าน 10 จังหวัด ซึ่งครั้งนี้เป็นการบูรณาการร่วมกันระหว่างสำนักนายรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภายใต้ชื่อ “แผนพัฒนาชนบทเชิงพื้นที่ประยุกต์ตามพระราชดำริ”
บ้านโป่งลึก และบ้านบางกลอย ต.ห้วยแม่เพรียง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เป็น 2 หมู่บ้านที่อยู่ในพื้นที่ขยายผลปิดทองหลังพระ เนื่องจากว่าเป็นพื้นที่ชายขอบติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ประชากรส่วนใหญ่เป็นชนเผ่ากระหร่าง ไร้สัญชาติ แม้จะอยู่ในพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ที่มีสภาพป่าอุดมสมบูรณ์แต่มีปัญหาคือไม่มีระบบน้ำ ทำให้ชาวบ้านมีการบุกรุกป่า ล่าสัตว์ป่า ที่อยู่อาศัยไม่มั่นคง มีรายได้ต่ำมาก มิหนำซ้ำเกือบทั้งหมดมีหนี้สิน แต่หลังจากที่มูลนิธิปิดทองหลังพระฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดำเนินการให้ความช่วยเหลือในด้านต่างๆ ให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่และสภาพชีวิตความเป็นอยู่ต่างๆ ความเปลี่ยนแปลงก็เริ่มเกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน
นายเจษฎา สาระ นักวิชาการเกษตรชำนาญการ รับผิดชอบโครงการพระราชดำริ สถานีพัฒนาที่ดินเพชรบุรี กรมพัฒนาที่ดิน เล่าว่า สถานีพัฒนาที่ดินเพชรบุรี เป็นหน่วยงานหนึ่งที่ได้สนองงานตามแนวพระราชดำริ ในพื้นที่บ้านโป่งลึก และบ้านบางกลอย โดยดูเรื่องของมิติดินซึ่งเป็นโครงสร้างขั้นพื้นฐาน ขั้นแรกมีการสำรวจดินและวางแผนการใช้ที่ดิน ซึ่งแบ่งการดำเนินงานออกเป็นระยะแรกพื้นที่บ้านบางกลอย รวม 356 ไร่ เนื่องจากพื้นที่แห่งนี้มีความลาดชันน้อยไปถึงมาก แต่เดิมก่อนที่จะมีโครงการปิดทองหลังพระ ชาวบ้านจะปลูกข้าวไร่ตามพื้นที่ลาดชันไม่มีการจัดระบบ อาศัยน้ำฝนเป็นหลัก ไม่มีแหล่งกักเก็บน้ำ และมีการเผาป่าเพื่อเตรียมพื้นที่เพาะปลูกซึ่งเป็นการทำลายอินทรียวัตถุในดิน ทำให้ได้ผลผลิตน้อยสุดอยู่ที่ 4 ถัง/ไร่ มีบางรายที่ได้ 15-25 ถัง/ไร่ ขึ้นอยู่สภาพความอุดมสมบูรณ์ของดิน
ดังนั้น จึงต้องมีการทำระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ เพื่อป้องกันการชะล้างพังทลายของหน้าดิน ด้วยการขุดคูรับน้ำ การปรับปรุงดินด้วยการปลูกพืชปุ๋ยสดเพื่อปรับปรุงโครงสร้างของดิน การตรวจวิเคราะห์ค่าความอุดมสมบูรณ์ของดิน รวมทั้งการใช้ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยอินทรีย์ รอบขอบเขา ขุดนาขั้นบันไดเพื่อปลูกข้าวและปลูกผัก พืชไร่บนคันนา ปลูกหญ้าแฝกตามแนวระดับเพื่อป้องกันการชะล้างพังทลายของหน้าดิน ทำฝายกั้นน้ำเก็บกักน้ำและรักษาความชุ่มชื้น ทำทางลำเลียงในไร่นาตามแนวระดับของพื้นที่ ควบคู่กับการปรับปรุงบำรุงดินด้วยอินทรียวัตถุ มีการส่งเสริมการทำปุ๋ยหมัก สารเร่งพด.1 จากเศษวัชพืชในพื้นที่ ทำน้ำหมักชีวภาพจากเศษผัก ผลไม้ เศษอาหารในครัวเรือนสำหรับฉีดพ่นในนาข้าวและแปลงผัก ส่งเสริมการใช้ปุ๋ยพืชสดและจัดหาเมล็ดพันธุ์เพื่อปรับปรุงบำรุงดิน
อย่างไรก็ตาม สถานีพัฒนาที่ดินเพชรบุรี ได้เข้ามาถ่ายทอดความรู้ว่าโครงการนี้ดีอย่างไร การจัดระบบอนุรักษ์ดินและน้ำจะทำให้ผลผลิตข้าวดีขึ้น ส่งผลให้ได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านเป็นอย่างดี โดยให้เขามีส่วนร่วมในการขุดนาขั้นบันไดเพื่อให้เขาได้ลงมือเองจะได้ทำเป็น คือเราสอนทุกอย่างพร้อมทำให้ดู และให้เขาลองปฏิบัติเองเพื่อให้เกิดความยั่งยืน ขณะนี้พื้นที่บ้านบางกลอยทั้ง 356 ไร่ ได้จัดเตรียมโครงสร้างพื้นฐานไว้เรียบร้อยแล้ว กำลังขยายสู่ระยะที่สองในบ้านโป่งลึก อีกประมาณ 300 ไร่
“เชื่อมั่นว่าการดำเนินการในครั้งนี้ จะช่วยให้ชาวบ้านในพื้นที่บ้านบางกลอยและบ้างโป่งลึกมีสภาพชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น สามารถมีพื้นที่ประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว อยู่อย่างมีความสุข โดยไม่ต้องย้ายถิ่นฐานไปไหน ไม่ต้องบุกรุกทำลายป่าไม้ สำคัญคือการอยู่ร่วมกับป่าได้อย่างยั่งยืน อีกทั้งสามารถเป็นต้นแบบให้กับพื้นที่ตามแนวชายแดนตั้งแต่ราชบุรี กาญจนบุรี ตากไปถึงแม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ” นายเจษฎา กล่าวทิ้งท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี