ทดสอบฉีดวัคซีนให้คนไทย
ดีเดย์ตุลาคม
หลังเข็มแรกในลิงได้ผลดี
ชงศบค.ปลดล็อกผับบาร์
วาง22กฎเหล็กคุมเข้ม
ห้ามเต้น-ห้ามตะโกน
ไร้เชื้อ28วันต่อเนื่อง
ศบค.แถลงพบผู้ติดเชื้อใหม่ 3 รายกลับจากอินเดีย ไร้ป่วยในประเทศ 28 วัน ต่อเนื่อง โฆษกศบค.เผยอุ่นใจวางใจได้แต่ยังกลับไปใช้ชีวิตปกติไม่ได้ ต้องเข้ม 5 มาตรการต่อไป เล็งชงศบค.ชุดใหญ่ปลดล็อก 2 กลุ่มเข้าปท.ได้ ด้านศธ.ย้ำ 7 มาตรการรับเปิดเทอม 1 กรกฎาคม โดย3.1 หมื่นรร.เรียนพร้อมกันได้ อีก 4.5 พันแห่งต้องสลับเวลามาเรียน ขณะที่มีข่าวดีการวิจัยวัคซีนโควิด-19 เข็มแรกในลิงกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ร่างกายแข็งแรง ไม่มีไข้ ไม่มีอาการแพ้ เดินหน้าฉีดเข็มสอง และเข็ม 3 เดือนก.ค. หากเป็นไปตามไทม์ไลน์จะทดสอบให้มนุษย์ได้ต.ค. ส่วนกก.เฉพาะกิจพิจารณาผ่อนปรนกิจการกิจกรรมเสนอ 22 กฎเหล็กปลดล็อคผับ-บาร์สถานบันเทิง อาทิ จำกัดคนเข้า งดเต้น ร้องเพลงห้ามตะโกน ติดฉากกั้นหน้าเวที ห้ามมีพริตตี้ เลิกเชียร์เบียร์
เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย รวมถึงความคืบหน้าการพิจารณาคลายล็อคระยะที่ 5 สำหรับกิจการกิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูงมาก
ป่วยใหม่3มาจากอินเดีย-ไม่มีในปท.28วัน
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า วันนี้พบผู้ป่วยรายใหม่ 3 ราย พบในสถานที่กักตัวของรัฐทั้งหมด เป็นเพศหญิง อายุ 11 ปี 21 ปี และ 34 ปี เดินทางกลับจากอินเดียมาถึงไทยวันที่ 18 มิ.ย. เข้าพักในสถานที่กักตัวของรัฐที่ จ.ชลบุรี ตรวจพบเชื้อเมื่อวันที่ 20 มิ.ย. ทำให้มียอดผู้ป่วยสะสม 3,151 ราย หายป่วยสะสม 3,022 ราย อยู่ระหว่างรักษาตัว 71 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ทำให้ยอดคงที่ 58 ราย วันนี้ถือเป็นวันที่ 28 ที่ไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อภายในประเทศ ทำให้เราอุ่นใจและสบายใจขึ้น แต่ยังวางใจไม่ได้ ยังต้องมีการดูแลแบบนี้ เพราะสถานการณ์ประเทศต่างๆ ทั่วโลกยังมีตัวเลขผู้ติดเชื้อที่สูงอยู่ นอกจากนี้ ในวันที่ 22 มิ.ย.จะมีคนไทยเดินทางกลับ 5 เที่ยวบิน จำนวน 429 ราย และวันที่ 23 มิ.ย. 4 เที่ยวบิน จำนวน 476 ราย ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดทั่วโลก 9,046,067 ราย เสียชีวิต 470,703 ราย
เร่งสอบปมแรงงานพม่าติดโควิด
นพ.ทวีศิลป์กล่าวต่อว่า กรณีสื่อเมียนมารายงานพบแรงงานติดโควิด-19 จำนวน 23 ราย หลังกลับจากประเทศไทยนั้น ขณะนี้ทั้งสองประเทศอยู่ระหว่างประสานข้อมูล ซึ่งฝั่งไทยทราบว่า 19 รายเป็นคนไข้เดิมที่เราได้กักตัวครบ 14 วัน ตั้งแต่วันที่ 25 เมษายน ส่วนอีก 4 ราย ยังขาดข้อมูล ไทยกับเมียนมากำลังทำงานกันอยู่ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขประสานกันอยู่ นอกจากนี้ กรณีที่มีชายที่สถานีรถไฟหาดใหญ่ จ.สงขลาขอความช่วยเหลือและระบุว่าป่วยเป็นโควิด-19 นั้น จากการตรวจสอบในพื้นที่พบว่า ผู้ป่วยมีอาการทางจิต เป็นไปได้ว่าขาดการรักษา เนื่องจากมีใบนัดตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม รวมถึงมีประวัติใช้สารเสพติด ขณะนี้อยู่ระหว่างรักษาตัวที่โรงพยาบาลหาดใหญ่ และตรวจสารคัดหลั่งที่โพรงจมูกแล้ว ไม่พบเชื้อโควิด-19
วางใจได้แต่ใช้ชีวิตปกติยังไม่ได้
ส่วนกรณีมีผู้เสียชีวิตจากโรคหัวใจระหว่างกักตัวอยู่ในสถานที่กักตัวของรัฐนั้น ถือเป็นบทเรียนที่เราต้องเรียนรู้ 4 หมื่นกว่ารายที่เข้ามาอยู่ในสถานกักตัวของรัฐ เราทำงานอย่างหนัก นายกฯห่วงใยและมอบ ศบค.ชุดเล็กให้มีมาตรการคุมเข้ม จัดประวัติ เมื่อพบว่าป่วยต้องเข้าอยู่ในโรงพยาบาล จะไม่ให้เข้ามาอยู่ในสถานกักตัวของรัฐที่เป็นโรงแรม แต่จะให้อยู่สถานกักตัวที่อยู่ในโรงพยาบาลแทน
โฆษก ศบค.กล่าวอีกว่า การไม่มีผู้ติดเชื้อภายในประเทศ 28 วัน เป็นสองเท่าของระยะฟักเชื้อ ก็เป็นที่น่าไว้วางใจมากขึ้น แต่ถามว่าจะทำให้เราผ่อนคลายทุกเรื่องเป็นปกติได้หรือไม่นั้น ตรงนี้ยังไม่สามารถกลับไปได้ แม้สถานการณ์ภายในประเทศเราจะดี แต่การนำข้าวของเชื้อแม้เพียง 1 คนก็จะเกิดผลต่อการติดเชื้อในระดับที่รุนแรงได้
เล็งชงศบค.ผ่อนคลาย2กลุ่มเข้าปท.
นอกจากนี้ การไม่พบติดเชื้อในประเทศ 28 วันติดต่อกัน คณะกรรมกลั่นกรองกิจการและกิจกรรมตามมาตรการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 คุยกันว่า เราแบ่งกลุ่มเป็น 2 กลุ่มที่จะผ่อนคลายคือ กลุ่มที่ 1.กลุ่มเป้าหมายที่ตอบรับการกักตัวก่อนเข้าประเทศ แบ่งเป็น 4 กลุ่มย่อยได้แก่ นักธุรกิจ นักลงทุน ที่ลงทะเบียนไว้ 700 คน กลุ่มแรงงานมีฝีมือ ผู้เชี่ยวชาญ ที่จะเข้ามาทำงานด้านธุรกิจ ประมาณ 2.2 หมื่นคน กลุ่มคนต่างด้าวที่มีครอบครัวเป็นคนไทย 2 พันกว่าคน นักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ที่ต้องการเข้ามารับการรักษาในโรงพยาบาล 3 หมื่นกว่าคน โดย 4 กลุ่มนี้จะเสนอ ศบค.ชุดใหญ่ว่าสามารถทำได้เลย เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนธุรกิจ
กลุ่มที่ 2.จับคู่การเดินทางระหว่างประเทศที่ปลอดภัยจากโควิด-19 สูง หรือทราเวล บับเบิล ซึ่งเป็นกลุ่มที่ขอผ่อนผันไม่อยู่ในสถานกักตัวของรัฐแบ่งเป็น นักธุรกิจ นักลงทุน เพราะเข้ามาเจรจาธุรกิจระยะสั้น 3-5 วัน แขกของรัฐบาลหรือส่วนราชการ ที่เชิญมาประชุมหรือมาเป็นวิทยากร เข้ามาเพื่อให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การกักตัวจึงไม่เหมาะสม กลุ่มนักท่องเที่ยวตามโครงการทราเวล บับเบิล กลุ่มนี้ต้องคิดกันให้มาก ต้องมีมาตรการมากรองรับ เพราะมีจำนวนมากที่ต้องการเข้ามา เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เป็นสามประเทศหลักที่นิยมมาประเทศไทย และพยายามควบคุมดูแล เป็นไปได้สูงที่เราจะดูแลพวกเขา โดยคณะกรรมการกลั่นกรองฯจะนำเสนอต่อที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่เพื่อพิจารณา
รร.3.1หมื่นเรียนพร้อมได้-4.5หมื่นสลับเวลา
ด้านนายวราวิช กำภู ณ อยุธยา ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ที่ปรึกษา รมว.ศธ.) แถลงว่า ในการเปิดภาคเรียนวันที่ 1 กรกฎาคมนั้น กรมอนามัยร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการออกคู่มือปฏิบัติของสถานศึกษา เพื่อเป็นมาตรการเตรียมความพร้อมตามข้อกำหนดกรมอนามัย 20+24 ข้อ ซึ่งสถานศึกษาต้องคัดกรองสุขภาพ ตรวจสอบการสวมหน้ากาก ล้างมือ จัดเตรียมสบู่ แอลกอฮอล์ ทำความสะอาด เว้นระยะห่าง และลดความแออัด ทั้งนี้ โรงเรียนที่สามารถจัดห้องเรียนเว้นระยะห่างไม่ต่ำกว่า 1.5 เมตร นักเรียนมาเรียนพร้อมกันได้ทั้งหมดมี 31,000 โรงเรียนทั้งรัฐบาล นานาชาติและอาชีวศึกษา ส่วนโรงเรียนขนาดใหญ่ที่ไม่สามารถมาเรียนพร้อมกันได้ ต้องจัดให้สลับกันมาเรียนมี 4,500 โรงเรียน ในส่วนนี้คนที่ไม่มาเรียนที่โรงเรียน ก็ให้เรียนทางออนแอร์หรือออนไลน์ที่บ้าน โดย 4,500 โรงเรียนจะจัดการเรียนการสอนแบบผสมผสาน 5 รูปแบบ 1.เรียน 5 วัน หยุด 9 วัน 2.สลับวันคี่/คู่ 3.เรียนผสม 4.สลับเรียน และ5.สลับเช้า-บ่าย
กำชับรร.เข้ม7มาตรการป้องกัน
นายวราวิชกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ มีข้อห่วงใย 7 ประเด็นคือ 1.รถโรงเรียน ที่ศธ.มอบงบประมาณให้โรงเรียนไปจัดหาซื้อรถโรงเรียนเพิ่มเติม 2.เด็กเล็ก ทั้งนี้โรงเรียนขนาดเล็กนอกจากมีครูประจำแล้วก็จะมีครูผู้ช่วยดูแล จัดให้เด็กนอนห่างกัน 1.5 เมตร หันเท้าชนกัน และไม่สวมหน้ากากระหว่างนอน 3.การรับประทานอาหารกลางวันให้แบ่งเป็น 4 ผลัดๆละ 30 นาที 4.เรื่องการสอบ ศธ.จะประกาศภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ว่าต้องสอบหรือไม่ แต่นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ต้องสอบ 5.กรณีปิดโรงเรียน ให้คัดแยกคนที่มีอาการ แจ้งผู้ปกครอง เจ้าหน้าที่สาธารณะสุขเข้าไปตรวจสอบ หากไม่พบก็เปิดโรงเรียนได้ตามปกติ แต่หากพบว่ามีคนติดเชื้อให้ปิดโรงเรียน 3 วันทำความสะอาด ผู้ใกล้ชิดหยุด 14 วัน 6.ศบค.ประสานศธ.ให้ใช้ไทยชนะ ซึ่งส่วนหนึ่งทำได้ อีกส่วนหนึ่งจะให้ครูจดชื่อเด็กที่มาเรียน และ7.โรงเรียนชายขอบ ที่เด็กจะข้ามชายแดนเข้ามาเรียน ขณะนี้ยังไม่เปิดเรียน แต่ให้โรงเรียนตามชายขอบประสานตม.เพื่อเอาใบงานไปใส่ในกล่อง และเด็กนักเรียนมาเอาใบงานและทำการบ้านมาใส่กล่องโดยไม่ต้องเจอกัน ส่วนการเรียนการสอนก็เรียนทางโทรทัศน์
บิ๊กเล็กจ่อชง22มาตรการปลดล็อคผับ-บาร์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รองผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะรองประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ในศบค. เชิญตัวแทนผู้ประกอบการสถานบันเทิง ผับ บาร์ และคาราโอเกะ มาร่วมวางแนวทางผ่อนคลายมาตรการ สำหรับผู้ประกอบการกลุ่มนี้เมื่อวันที่ 21 มิถุนายนที่ผ่านมา ล่าสุด คณะกรรมการเฉพาะกิจผ่อนคลายฯ เตรียมเสนอมาตรการ 22 ข้อ สำหรับผ่อนปรนให้ผู้ประกอบการสถานบันเทิง ผับ และบาร์กลับมาเปิดกิจการ ต่อที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่เร็วๆนี้ เพื่อเข้าสู่การผ่อนปรนกิจกรรมและกิจการบางประเภท ระยะที่ 5 คาดว่าจะเริ่มได้วันที่ 1 กรกฎาคม
จำกัดคนเข้า-งดร้องเต้น-ห้ามตะโกน
สำหรับมาตรการ 22 ข้อได้แก่ 1.ควบคุมจำนวนผู้เข้าใช้บริการให้เหมาะสมต่อพื้นที่ไม่ให้แออัด และเว้นระยะห่างทางสังคม 2.ตรวจคัดกรองอุณหภูมิของพนักงานและลูกค้าทุกคน 3.จัดให้มีบริการเจลแอลกอฮอล์ล้างมือบริเวณทางเข้า และตามจุดต่างๆตามความเหมาะสม 4.งดเข้าใช้บริการเป็นกลุ่มเกิน 5 คนขึ้นไป 5.จัดระบบคิวเข้าร้าน โดยให้เว้นระยะห่างระหว่างบุคคล 6.ให้แต่ละโต๊ะต้องเว้นระยะห่างกันไม่น้อยกว่า 2 เมตร หรือทำฉากกั้นระหว่างโต๊ะ 7.กำหนดจุดวางเก้าอี้แต่ละโต๊ะ ต้องเว้นระยะห่างระหว่างที่นั่งอย่างน้อย 1 เมตร และต้องควบคุมไม่ให้เคลื่อนย้ายเก้าอี้ 8.จัดให้มีระบบระบายอากาศที่ดี
9.อนุญาตให้นั่งรับประทานอาหารและเครื่องดื่มเท่านั้น งดส่งเสียงร้องเพลงและเต้นรำในร้าน 10.ใช้เมนูกระดาษแบบครั้งเดียวทิ้ง 11.กำหนดให้สั่งเครื่องดื่มต้องเป็นรายแก้ว โดยให้พนักงานเป็นผู้เสิร์ฟ แทนการสั่งเป็นเหยือกหรือขวด เพื่อเลี่ยงการสัมผัสสิ่งของร่วมกันและป้องกันการสลับแก้วร่วมกัน 12.พนักงานต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยและเฟซชิลด์ตลอดเวลา 13.ติดตั้งฉากกั้นระหว่างเวทีหรือพื้นที่การแสดง กับพื้นที่ลูกค้า หรือจัดระยะห่างอย่างน้อย 2 เมตร 14.ผู้ที่แสดงบนเวทีต้องสวมเฟซชิลด์ตลอดเวลา 15.ต้องมีผู้ควบคุมไม่ให้เกิดการรวมกลุ่มตะโกนหรือใช้เสียงดัง และไม่ให้เดินไปเดินมา 16.จัดให้มีอุปกรณ์เครื่องใช้สำหรับการรับประทานอาหารและเครื่องดื่มแยกรายบุคคล โดยมีช้อนกลางและที่วางช้อนกลางส่วนตัวสำหรับลูกค้าที่มาเป็นหมู่คณะ
17.ต้องทำความสะอาดสุขา ทุก 30-60 นาที 18.ทำความสะอาดพื้นที่บริการ โต๊ะ เก้าอี้ ราวจับ ลูกบิดประตู เคาน์เตอร์ จุดสัมผัสและอุปกรณ์อื่น ด้วยผงซักฟอกหรือน้ำยาทำความสะอาดฆ่าเชื้อ อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง 19.ห้ามจัดกิจกรรมแข่งขันหรือทำให้เกิดการรวมกลุ่มเชียร์กัน 20.งดใช้เครื่องเล่นหรืออุปกรณ์เล่นเกมในร้าน อาทิ โต๊ะพูล เป้าลูกดอก ตู้เกม 21.ต้องแยกพื้นที่สำหรับสูบบุหรี่ และให้เว้นระยะห่างทางสังคมอย่างเหมาะสม 22.งดให้พนักงานบริการหรือตัวแทนประชาสัมพันธ์เครื่องดื่มนั่งรวมกับลูกค้าในร้าน
ข่าวดีวัคซีนเข็มแรกสร้างภูมิคุ้มกัน
วันเดียวกัน นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) แถลงความคืบหน้าการทดลองทดสอบวัคซีน COVID-19 โดยใช้สารพันธุกรรมของเชื้อ ชนิด mRNA ในลิงว่า หลังได้ทดลองวัคซีน COVID-19 ในลิงเข็มแรก ที่ศูนย์วิจัยไพรเมทแห่งชาติ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี เมื่อวันที่ 23 พฤภาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวัคซีนที่พัฒนาโดยทีมนักวิจัยไทยของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยการสนับสนุนของสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และสถาบันวัคซีนแห่งชาติ พบว่าลิงทุกตัวมีสุขภาพแข็งแรง ไม่มีผลข้างเคียงจากวัคซีน
“มีข่าวดีมากที่พบว่าลิงที่ได้รับวัคซีนสามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้ระดับที่น่าพอใจ ทีมวิจัยจึงเดินหน้าต่อตามแผนโดยฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 2 วันนี้ หากเป็นไปตามคาดจะทดสอบในมนุษย์ได้ประมาณเดือนตุลาคม-พฤศจิกายนตามแผน” นายสุวิทย์กล่าว
รับลูกนายกฯเร่งพัฒนาให้คนไทยใช้ปท.ต้นๆ
และว่า มอบให้นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ร่วมกับนพ.นคร เปรมศรี ผอ.สถาบันวัคซีนแห่งชาติ นำคณะผู้เชี่ยวชาญ ติดตามความคืบหน้าตรวจสอบรายละเอียดของการทดสอบ เพื่อให้คำแนะนำและเตรียมรายละเอียดการดำเนินงานขั้นต่อไป ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบนโยบายเพื่อให้คนไทยมีวัคซีน COVID-19 อย่างรวดเร็วเป็นลำดับแรก เมื่อสามารถพัฒนาวัคซีนได้สำเร็จ โดยมอบให้ อว. และกระทรวงสาธารณสุขร่วมดำเนินงานเชิงรุก ทั้งวิจัยพัฒนาในประเทศ และร่วมมือกับต่างประเทศ รวมทั้งเตรียมผลิตให้ทันสถานการณ์และเพียงพอ นอกจากนี้ ยังเจรจากับต่างประเทศร่วมวิจัย ถ่ายทอดเทคโนโลยีและเตรียมการผลิตไว้ด้วยแล้ว
ฉีดวัคซีนเข็มสอง-เจาะเลือดตรวจ
ด้านนพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล เลขาฯคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ เผยว่า วันนี้ฉีดวัคซีนเป็นเข็มที่ 2 แล้วจะเจาะเลือดมาตรวจเป็นระยะคาดว่าระดับภูมิคุ้มกันต่อเชื้อก่อโรค COVID-19 จะเพิ่มขึ้นในอีก 2 สัปดาห์นับจากนี้ และจะฉีดเข็มที่ 3 ต่อไปในเดือนกรกฎาคม ขณะนี้การวิจัยพัฒนาเป็นไปตามแผนงาน เมื่อวิเคราะห์ประเมินผลทดสอบในลิงทั้งด้านผลกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และความปลอดภัยเสร็จแล้วจะทดสอบในมนุษย์ต่อไป โดยวช.ตกลงให้ทุนวิจัยเพิ่มเติม เพื่อให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเริ่มสั่งผลิตวัคซีนชนิดนี้ให้พร้อมสำหรับทดสอบในมนุษย์ไว้แล้ว
ลิงปลอดภัย-ไม้แพ้วัคซีน
ขณะที่นพ.เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม ผอ.ศูนย์วิจัยวัคซีน และนางสุจินดา มาลัยวิจิตรนนท์ ผอ.ศูนย์วิจัยไพรเมทแห่งชาติ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แจ้งผลวิจัยโดยละเอียดว่าจากการทดสอบด้านความปลอดภัยของวัคซีน COVID-19 ชนิด mRNA นี้ หลังฉีดวัคซีนแล้วลิงทุกตัวมีสุขภาพแข็งแรง เป็นปกติ โดยตรวจสอบใกล้ชิดกับทีมสัตวแพทย์ของศูนย์ฯ ทั้งสภาพทั่วไป ไม่มีไข้หรือการแพ้วัคซีน สภาพและอาการของระบบสมองและประสาท ระบบหัวใจ ระบบทางเดินหายใจ การกินอาหาร ตลอดจนพฤติกรรมเป็นปกติ แสดงถึงความปลอดภัย ซึ่งเป็นกำลังใจว่าจะพัฒนาวัคซีนสู่การใช้ในมนุษย์ต่อไป
รอสธ.-ฝ่ายมั่นคงเคาะต่อไม่ต่อพรก.
อีกด้านหนึ่งนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการพิจารณาต่อพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินหรือพ.ร.ก.ฉุกเฉินที่จะสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายนว่า หากไม่ต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉินก็ต้องปลดล็อกมาตรการทั้งหมด เว้นแต่จะนำ พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อมาใช้ ซึ่งในมาตรา 34 และ 35 จะมีอำนาจออกมาตรการควบคุมบางอย่างได้ แต่ไม่ครอบคลุมเหมือนใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เช่น ปิดสถานที่ อาทิ ผับ สถานบันเทิง สนามบิน รวมถึงการเดินทางข้ามจังหวัด แต่หากเป็น พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ จะสั่งปิดเฉพาะร้านที่ฝ่าฝืนเท่านั้น ซึ่งอาจไม่ทันสถานการณ์ เพราะเราไม่รู้ว่าโรคไปติดต่อที่ไหนได้บ้าง หากเกิดกรณีติดเชื้อกลุ่มใหญ่ขึ้นมาไปสั่งปิดทีละร้าน ก็ไม่ทันการแพร่ระบาด อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวอยากให้เข้าใจว่า ในกฎหมายไม่มีคำว่าล็อคดาวน์ แต่ที่ผ่านมา ดำเนินการได้ เพราะใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หากไม่มีเปลี่ยนมาใช้ พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อแทน ก็สั่งปิดเป็นจุด เมื่อแก้ไขแล้ว ก็ต้องให้เปิดตามปกติ ส่วนจะต่อหรือยกเลิกต้องรอให้ทีมแพทย์และฝ่ายความมั่นคงร่วมกันประเมินว่าจะต่อหรือไม่ต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เชื่อว่าจะพิจารณาชั่งน้ำหนักให้รอบคอบ ไม่มั่ว นำสถิติมาเปรียบเทียบ คิดว่าจะประชุมพิจารณาวันที่ 25 หรือ 26 มิถุนายน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี