"จารบุรุษ"
"ศาสนาของตถาคต จะดำรงอยู่ได้ประมาณ 5,000 ปี"
คำพยากรณ์ของพระพุทธเจ้า ที่ตรัสไว้ถึงกาลดำรงอยู่ของพระพุทธศาสนาในสมัยของพระองค์ ซึ่งปัจจุบันฝ่านพ้นมาแล้ว 2,556 ปี
วันนี้ ทอล์กออฟเดอะทาวน์ หนีไม่พ้นข่าวคราว และคาวของบรรดาพระสงฆ์ไทย ทั้งเรื่องพระวิรพล ฉัตติโก หรือเณรคำ แห่งสำนักสงฆ์ป่าขันติธรรม อดีตพระมิตซูโอะ คเวสโก เป็นต้น ซึ่งหากมองย้อนกลับไปในอดีต มี"พระ" ที่ทำตัวเป็น"อลัชชี" ในระดับบิ๊กเนมนั้น ครองพื้นที่ข่าวหน่้า 1 ทุกฉบับได้เป็นเดือนๆ
ในสมัยพุทธกาล ก็เคยมี"อลัชชี" ที่หลอกลวงชาวบ้านเช่นกัน และเมื่อพระพุทธองค์ทรงทราบ ทรงติเตียน และบัญญัติขึ้นเป็นพระวินัย เช่นการอวดอุตริมนุสธรรม หรือข้อห้ามอื่นๆหลากหลากข้อหา ซึ่งมีถึง 227 ข้อ ที่เรียกกันว่า"ศีล"
พระครูใบฎีกานิกร ธัมมวาที
หลายคนคงจำชื่อ "พระครูใบฎีกานิกร ธัมมวาที" แห่งวัดสันปง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ได้เป็นอย่างดี ปัจจุบัน นายนิกร เปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนามใหม่เป็น นายธรรมรัตน์ ยศคำจู เคยเป็นอดีตพระนักเทศน์เสียงทองแห่งยุค มีผู้คนแห่ไปฟังการเทศน์ไม่ขาดสาย แม้หนทางไปสู่วัดสันปง จะยากลำบากเพียงใด ไม่เคยเป็นปัญหาด้วยพลังศรัทธา จนถึงขั้นต้องเปิดสำนักปฏิบัติธรรมหลายสิบแห่งทั่วประเทศขึ้นเป็นสาขา
ในระหว่างที่พระนิกรกำลังรุ่งโรจน์สุดขีด กลับมีข่าวฉาวกับนางอรปวีณา ที่ออกมายืนยันความสัมพันธ์กับพระนิกรพร้อมด้วยทายาทในท้อง แต่พระนิกรพยายามตอบโต้ข่าว ว่ามีผู้อิจฉาในชื่อเสียงของตนเอง อีกทั้งบรรดาลูกศิษย์ ได้พยายามหาหนทางตอบโต้ข้อกล่าวหา ว่าเป็นการกลั่นแกล้ง โดยไม่เชื่อว่า พระที่ยึดมั่นในศีลธรรมและเทศน์ได้ไพเราะจับจิต จะมีพฤติกรรมเช่นนั้น
สุดท้าย พระใบฎีกานิกร ต้องจำนนด้วยหลักฐาน ตั้งแต่จดหมายรัก ภาพถ่าย จนถูกดำเนินคดีทั้งศาลยุติธรรม และศาลสงฆ์ ซึ่งในที่สุดศาลสงฆ์ มีมติระบุความผิดพระนิกรว่า เป็น “ปฐมปาราชิก” คือการเสพเมถุนกับอิสตรี ขาดจากความเป็นพระ แม้จะกลับมาบวชใหม่ ก็ไม่สามารถดำรงความเป็นสมณเพศได้ เปรียบดั่งตาลยอดด้วน ที่ไม่สามารถเจริญเติบโต และงอกเงยได้อีกต่อไป
พระยันตระ อมโร
ข่าวที่ถือว่า"ช็อก"ศรัทธาของพุทธศาสนิกชนชาวไทยมากที่สุด เห็นจะเป็น ข่าวฉาวโฉ่ของ พระยันตระ อมโร หรือ นายวินัย ละอองสุวรรณ ที่ขณะนั้น ไม่ว่าพระยันตระ จะเดินทางไปแห่งหนไหน ผู้คนและฝูงชนแห่งศรัทธาจากทั่าวสารทิศ จะไปรอฟังธรรม และร่วมทำบุญด้วยอย่างยิ่งใหญ่ แม้แต่บรรดาผู้มีชื่อเสียง นักการเมือง บิ๊กนายทหาร ยังเคยมีภาพกราบเท้ายันตระกลางสนามหลวงลงหน้า 1 หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่มาแล้ว
ยันตระ ถูกฟ้องด้วยข้อหาปาราชิกกับนางจันทิมา จนมีบุตรสาวชื่อ ด.ญ.กระต่าย ที่ต่อมา มหาเถรสมาคม มีมติให้พ้นจากความเป็นพระ แต่เจ้าตัวหลีกเลี่ยงข้อหา แต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์ด้วยการ "ห่มเขียว" จนสื่อมวลชนขนานฉายา "จิ้งเขียว"ให้ จากนั้นเมื่อทนกระแสสังคมกดดันไม่ไหว ยันตระ จึงปลีกวิเวก หลบหนีไปยังสหรัฐอเมริกาจนถึงทุกวันนี้ และยังคงมีปรากฏภาพในโลกอินเตอร์เป็นครั้งคราว เช่น ภาพไว้หนวดเครารุงรัง เล่นวอลเลย์บอลกับลูกศิษย์
"จารบุรุษ" เคยถูกสั่งให้ไปทำข่าวยันตระที่วัดราชาธิวาสในครั้งนั้นด้วย ซึ่งนักข่าวทุกสำนักที่เดินเข้าออกวัด ต้องคุ้มกันและดูแลกันเอง ไม่เช่นนั้นอาจถูกบรรดาลูกศิษย์ยันตระ ลอบ"ยัน"เอาได้ แม้กระนั้น นักข่าวสำนักหนึ่งยังถูกทำร้าย จนบาดเจ็บ ต้องเข้าแจ้งความ และรักษาตัวในโรงพยาบาล ส่วนเล็กๆน้อยๆเช่น ปาของเหม็น หรือก้อนหิน ใส่กลุ่มสื่อมวลชน กลายเป็นเรื่องขำๆธรรมดาในตอนนั้นไป ซึ่งคดีนี้ ถือเป็นการต่อสู้กับ"อลัชชี"ของสื่อมวลชนอย่างถึงพริกถึงขิง
พระภาวนาพุทโธ
จบจากยันตระไปได้หลายปี ข่าวฉาวโฉ่แห่งวงการพุทธศาสนา ที่ทุกคนแทบไม่น่าเชื่อ เป็นข่าวอื้อฉาวของ พระภาวนาพุทโธ หรือ นายจำลอง คนซื้อ ที่ต้องข้อหา ข่นขืนกระทำชำเราเด็กหญิงชาวเขาถึง 6 คน หลังจากที่เจ้าตัว รับอุปการะเด็กชาวเขาให้มาอยู่ในความอุปถัมภ์ คดีนี้ มีการต่อสู้กันเป็นขั้นตอนตามกระบวนการยุติธรรม ทว่าในที่สุด ทั้งศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกามีคำพิพากษา จำคุกภาวนาพุทโธรวม 160 ปี แต่ตามกฏหมาย จึงจำคุกภาวนาพุทโธได้เพียง 50 ปีเท่านั้น
พระพีระพล เตชะปัญโญ
พระอิสระมุนี หรือ พระพีระพล เตชะปัญโญ หรือ นายบรรหาร อดีตเจ้าอาวาสวัดธรรมวิหารี หรือวัดป่าละอู อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศ เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น พาบุตรชาย คือนายพานทองแท้ ไปบวชที่วัดป่าละอูในปี 2543 และ พ.ต.ท.ทักษิณ ยอมลงทุนถึงขนาดนอนเฝ้าหน้าห้องพระลูกชาย
ภายหลัง อิสระมุนี เป็นข่าวให้แปดเปื้อนพุทธศาสนาขึ้น เมื่อเจ้าตัวละเมิด"ปฐมปาราชิก" ไปมีเพศสัมพันธ์กับสีกาคนสนิท โดยมีจดหมายรัก 10 ฉบับ และเทปการสนทนาบอกรักกันเป็นหลักฐาน ทำให้เจ้าตัวต้องเผ่นออกจากวัดป่าละอู แอบไปหนีสึกอยู่ในพื้นที่จ.สระแก้ว ปิดฉากความเป็นอาจารย์ของตระกูล"ชินวัตร"ลงอย่างสิ้นเชิง
พระราชภาวนาวิสุทธิ์
ไม่มีใคร ไม่รู้จัก"วัดพระธรรมกาย" ที่มีพระราชภาวนาวิสุทธิ์ หรือนายไชยบูลย์ สิทธิผล เป็นผู้นำสูงสุด ข่าวของพระไชยบูลย์ เป็นเรื่องเกี่ยวกับความไม่โปร่งใสทางการเงินของวัดพระธรรมกาย เมื่อมีการฟ้องร้องว่า ได้ร่วมกับลูกศิษย์ ยักยอกเงินไปกว่า 900 ล้านบาท ในการไปซื้อที่ดินในพื้นที่ จ.พิจิตร
เครสนี้ ถือเป็นการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ และยากลำบากของการทำหน้าที่สื่อมวลชน ซึ่้งสุดท้ายแล้ว มีการถอนฟ้องกัน เหมือนเป็นการตัดตอนไม่ให้มีการพิจารณาคดีในชั้้นศาล เรื่องจึงยุติที่ชั้นพนักงานอัยการ เพราะจำเลย กับพวก ได้มอบเงิน และที่ดินคืนให้แก่วัดพระธรรมกายครบทั้งหมดแล้ว เรื่องจึงยุติ แต่ในทางพระวินัย คดีนี้ถือเป็นการลักทรัพย์ และองค์ประกอบของการลักทรัพย์นั้นสมบูรณ์แล้ว การคืนทรัพย์สิน แม้จะครบทั้งหมด จึงไม่สามารถลบล้างความผิดใน "ทุติยปาราชิก" ที่ถูกบัญญัติไว้ว่า ห้ามถือเอาทรัพย์ที่เจ้าของไม่ได้ให้มาเป็นของตน จากบ้านก็ดี จากป่าก็ดี ตั้งแต่ 4 มาสก (1 บาท) ขึ้นไป ไม่เช่นนั้นต้องขาดจากความเป็นพระ!
เณรแอ จอมขมังเวท
คดีที่ชาวพุทธสะอิดสะเอียนที่สุด เห็นจะหนีไม่พ้น "เณรแอ จอมขมังเวท" นายหาญ รักษาจิตร์ ที่ถูกนำภาวิดีโอ"ย่างศพเด็ก" ส่งต่อกันทางอินเตอร์เน็ทในสมัยนั้น โดยเจ้าตัวอ้างว่า มีวิชาอาคมแก่กล้า ทำเสน่ห์ยาแฝด เรียกผัวเรียกเมียกลับบ้านได้ ภาพย่างศพเด็กทารกในครั้งนั้น ทำให้จอมขมังเวทแอ ถูกจับสึกและถูกตัดสินจำคุก 1 ปี
หลังพ้นโทษออกมา แม้จอมขมังเวท จะไม่ได้หวนกลับไปนุ่งเหลืองห่มเหลือง แต่ก็เปิดบ้านทรงไทยเป็นตำหนัก รับทำเสน่ห์ยาแฝด จนกลายเป็นเศรษฐี มีทรัพย์สินอยู่ในครอบครองหลายสิบล้านบาท ทว่า กลับถูกอดีตภรรยา เข้าร้องเรียนกับมูลนิธิปวีณาฯ จนจอมขมังเวทต้องระเห็ดเข้าคุกอีกครั้ง และครั้งนี้ ตำรวจดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกงด้วย ทำให้จอมขมังเวทถูกพิพากษาจำคุกเป็นเวลา 100 ปี ทว่ากฏหมายให้จำคุกได้เพียง 20 ปีเท่านั้น
หลวงปู่เณรคำ
ปัจจุบัน ข่าวข่าวโฉ่ให้แปดเปื้อนวงการพุทธศาสนาที่กำลังได้รับความสนใจอยู่ในขณะนี้ เป็นเรื่องของ พระวิรพล สุขผล หรือ เณรคำ ฉัตติโก เจ้าสำนักสงฆ์ป่าขันติธรรม อ.กันทรารมณ์ จ.ศรีสะเกษ ที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมต่อสมณสารูป ทั้งการโพสภาพนั่งเครื่องบินแจ็ท ใช้ของแพงเกินเหตุ รวมทั้งการอุตริมนุสธรรม ที่อ้างว่า สนทนากับพระอินทร์ได้ ซึ่งเรื่องนี้ คณะกรรมาธิการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม ชี้ว่า พระวิรพล ต้อง"จตุตถปาราชิก" คือการอวดอุตริมนุสธรรม ขาดจากความเป็นพระ
พระมิตซูโอะ คเวสโก
สุดท้าย สดๆร้อนๆ บนเฟสบุ๊ค หลังจากที่พระมิตซูโอะ คเวสโก สึกอย่างกระทันหัน และเดินทางกลับไปยังประเทศญี่ปุ่นบ้านเกิดอย่างเป็นปริศนา ทว่า ภายหลัง สาวไฮโซ ออกมาเปิดเผยทางเฟสบุ๊คว่า ทั้งสองคน เป็นคู่รักกัน!
หลายเครส หลายวาระ ที่เกี่ยวข้องกับพระสงฆ์ ดูเหมือนจะมีอยู่เพียง 2 เรื่องใหญ่ๆเท่านั้นที่เป็นตัวการ นั่นคือ "เงิน และนารีพิฆาต" ไม่เช่นนั้น โบราณกาลคงไม่สอนไว้หรอกว่า
"อสรพิษเข้ามาข้าไม่หวั่น
ช้างตกมันประจันหน้าข้าไม่หนี
สิ่งที่กลัวคือ"โคเขาอ่อน"มาราวี
ขวิดเข้าที่จีวรขาดบาตรกระเด็น"
อยากรู้ว่า "โคเขาอ่อน"คืออะไร ไปแสวงหา และลองกันเอาเอง !
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี