นายแพทย์วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า การเกิดก่อนกำหนดและน้ำหนักตัวน้อยเป็นสาเหตุการเจ็บป่วยและเสียชีวิตที่สำคัญ ส่งผลต่อสุขภาวะของประชากร และส่งผลกระทบต่อคุณภาพการให้บริการ ทั้งจำนวนเตียงที่รองรับ บุคลากรที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกุมารแพทย์และพยาบาลเฉพาะทางทารกแรกเกิด เครื่องมือและครุภัณฑ์ การส่งต่อไปรักษาระดับเหนือกว่า และการส่งกลับไปยังหน่วยบริการใกล้บ้านเพื่อดูแลต่อเนื่อง ทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถเข้าถึงบริการที่จำเป็น และขาดการดูแลรักษาที่ต่อเนื่อง นำไปสู่การเกิดภาวะแทรกซ้อนและความพิการระยะยาวต่อผู้ป่วยด้วย ดังนั้นสปสช.จึงมีแนวทางพัฒนาเครือข่ายบริการทารกแรกเกิดน้ำหนักน้อย โดยประสานความร่วมมือกับหน่วยบริการในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อเชื่อมโยงการบริการแบบครบวงจรตั้งแต่ระดับปฐมภูมิจนถึงตติยภูมิ เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับบริการที่มีมาตรฐานอย่างทั่วถึง และมีประสิทธิภาพ โดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในแต่ละพื้นที่อย่างคุ้มค่า และเป็นไปตามมาตรฐานการรักษาในแต่ละระดับหน่วยบริการ โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2552 จนถึงปัจจุบัน

นายแพทย์วินัย กล่าวว่า การพัฒนามุ่งเน้นเรื่องการเพิ่มศักยภาพบริการ โดยการสนับสนุนครุภัณฑ์ สนับสนุนการพัฒนาศักยภาพบุคลากร ร่วมกับ ชมรมเวชศาสตร์ทารกแรกเกิดแห่งประเทศไทย และสนับสนุนองค์ความรู้ด้านวิชาการ โดยผ่านคณะทำงานพัฒนาระบบบริการตติยภูมิเฉพาะด้านที่ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านทารกแรกเกิด การเสริมสร้างศักยภาพการบริหารจัดการ เพื่อให้เกิดความยั่งยืน และความร่วมมือภายในเครือข่าย และระหว่างเครือข่าย ตลอดจนการพัฒนาระบบการส่งต่อส่งกลับ ปัจจุบันมีหน่วยบริการเครือข่าย 855 แห่ง แบ่งเป็นหน่วยบริการแม่ข่าย 27 แห่ง หน่วยบริการลูกข่าย 828 แห่ง ซึ่งการพัฒนาเครือข่ายส่งผลให้การเสียชีวิตของทารกแรกเกิดน้ำหนักตัวน้อยลดลง จากร้อยละ 10.42 ในปี 2548 ลดลงเหลือร้อยละ 9.76 ในปี 2555 ขณะเดียวกันการดำเนินการแบบเครือข่ายของหน่วยบริการสาธารณสุขทุกระดับร่วมกันก็ทำให้เกิดบริการที่มีประสิทธิภาพ