เมื่อวันที่ 14 กันยายน นายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ(ศธ.) เป็นประธานเปิดการประชุมทางวิชาการของคุรุสภา ประจำปี 2556 ที่ รร.แอมบาสเดอร์ กทม. เรื่อง "การวิจัยเพื่อเพิ่มคุณภาพการศึกษาและการพัฒนาวิชาชีพ" พร้อมมอบรางวัล "ผลงานวิจัยระดับภูมิภาค" ประจำปี 2556 ของคุรุสภา และร่วมปาฐกถาพิเศษ เรื่อง "นโยบายการพัฒนาวิชาชีพครู เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาไทย"
ทั้งนี้ได้มีครูได้รับรางวัล ดีเด่น 3 คน รางวัลดี 23 คน และรางวัลชมเชย 30 คน สำหรับผู้ที่ได้รับรางวัลดีเด่น อันดับ 1 ได้แก่ นายประจักษ์ พรมหนู โรงเรียนเทศบาล 2 วัดเสนหา (สมัครพลผดุง) จ.นครปฐม ได้รับรางวัลผลงานวิจัยดีเด่น ของคุรุสภา ประจำปี 2556 "ผลงานวิจัยระดับภูมิภาค" ในผลงานวิจัย เร่ือง "การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนแบบ SKILLS เพื่อส่งเสริมทักษะปฎิบัติวงโยธวาทิต สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น"
นายวิชัย กงพลนันท์ วิทยาลัยเทคนิคเชียงราย จ.เชียงราย กับรางวัลผลงานวิจัยดีเด่น ระดับภูมิภาค ในผลงานวิจัย เรื่อง "การพัฒนาชุดฝึกสถานการณ์จำลองเบรกรถบรรทุก เพื่อใช้จัดการเรียนรู้สำหรับผู้เรียนอาชีวศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง(ปวส.)"
และนายจันทร์ ติยวงศ์ จากโรงเรียนสุรนารี จ.นครราชสีมา กับรางวัลผลงานวิจัยดีเด่น ระดับภูมิภาค ในผลงานวิจัย เรื่อง "การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ที่เน้นนักเรียนเป็นสำคัญ ที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่2"
ด้านนายจาตุรนต์ กล่าวตอนหนึ่งว่า ก็ต้องขอชื่นชมครูที่ได้รับรางวัลผลงานวิจัยของครู ซึ่งคุรุสภาได้จัดมาเป็นปีที่ 9 แล้ว ถือเป็นเวทีสำคัญของครู การวิจัยเป็นเรื่องที่ครูจะต้องทำ หากไม่กระทบกับเวลาเรียนของเด็ก ผลงานวิจัยนี้ถือเป็นประโยชน์และเป็นฐานความรู้ที่สำคัญในการนำมารองรับนโยบายในการปรับปรุงศักยภาพและเพิ่มคุณภาพการศึกษา ซึ่งผ่านมาเรายังใช้ประโยชน์จากผลงานวิจัยไม่มากนัก ขณะนี้ศธ.กำลังปรับหลักสูตรใหม่ รวมถึงกำลังจะผลักดันการจัดตั้งสถาบันพัฒนาหลักสูตร เพื่อให้สอดคร้องกับการพัฒนาคุณลักษาของเด็กที่เราต้องการ รวมถึงพัฒนาวิชาชีพครูควบคู่ไปด้วย เพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนากำลังคนไปพัฒนาประเทศ
รมว.ศึกษาธิการกล่าวด้วยว่า ครูจะต้องปรับบทบาทและเปลี่ยนกระบวนการเรียนการสอน จะต้องทำให้เด็กสามารถคิดวิเคราะห์เป็น แก้ปัญหา ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ และมีคุณลักษณะที่พึงประสงค์สูงขึ้น เพราะต่อไปเด็กจะเรียนด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่ทันสมัยมีความก้าวหน้า และสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้มากและรวดเร็วขึ้น
"ปัญหาที่ยังเป็นห่วง คือความพร้อมของครู ที่จะปรับตัวและพัฒนาตนเอง เราต้องมาช่วยกันคิดถึงระบบและวิธีการในการพัฒนาครู ขณะนี้องค์กรที่จะพัฒนาครู ก็กำลังคิดกันอยู่ว่าจะพัฒนาบทบาทอย่างไร รวมถึงระบบการอบบรมและพัฒนาครู จะต้องมีประสิทธิภาพและมีผลต่อเนื่องและหลากหลาย เพื่อให้เกิดการเรียนรู้เทคนิควิธีการเรียนการสอนแบบใหม่ ๆที่มีประสิทธิภาพเพื่อจะทำให้ได้เด็กตามคุณลักษณะที่เราต้องการ รวมถึงให้มีการรวบรวมองค์ความรู้จากภายในประเทศ และจากครูที่ประสบความสำเร็จ จากครูที่มีผลงานดีเด่นและความรู้จากประเทศต่าง ๆเข้ามาใช้ โดยผ่านระบบไอซีทีเพื่อให้ครูรับองค์ความรู้ต่างๆนี้ไปใช้ในการเรียนการสอนของตนเอง
ด้าน ศ.กิตติคุณ ดร.ไพฑูรย์ สินลารัตน์ ประธานกรรมการคุรุสภา กล่าวแสดงความเห็นด้วยที่การพัฒนาวิทยฐานะครูควรพัฒนาเชื่อมโยงบนพื้นฐานความรู้ของนักเรียน แต่ซึ่งผอ.สถานศึกษาจะเป็นผู้ประเมินกลุ่มสาระงานของครู แต่ก็มีบางแห่งผอ.ประเมินไม่เป็นธรรม ดังนั้นวิธีที่ดีควรให้มีการประเมินแบบผสมผสาน โดยประเมินจากผลงานของครูและอีกส่วนหนึ่งผู้บริหารเป็นผู้ประเมิน
สำหรับการจะให้ผู้ที่มีความรู้ความสามารถเฉพาะด้านมาเป็นครูได้นั้น คณะนี้ คุรุสภากำลังวางระบบให้กับผู้ที่ไม่ได้จบสายครูได้เข้ามาเป็นครูได้ ซึ่งปัจจุบันนี้ คุรุสภาก็เปิดโอกาสให้อยู่แล้ว เช่น เปิดโอกาสให้โรงเรียนที่ขาดแคลนครูเฉพาะทางสามารถรับคนที่ไม่มีใบประกอบวิชาชีพครูเข้ามาสอนได้ชั่วคราว ซึ่งขณะนี้ทางสถานศึกษาอาชีวะของรัฐและเอกชน รวมถึงโรงเรียนของ สพฐ.ก็จ้างคนที่มีความชำนาญแต่ยังไม่มีใบประกอบวิชาชีพเข้ามาสอนในสาขาที่ขาดแคลนได้ในระยะเวาลา 2 ปี และสามารถต่อสัญญาเพิ่มได้อีก 2 ปี รวมเป็น 4 ปี ซึ่งในระยะเวลา 4 ปีนี้หากผู้สอนสนใจจะมีอาชีพครูจริง ๆก็จะต้องไปสอบใบประกอบวิชาชีพ หรือไปเรียนป.บัญฑิต หรือเรียน ป.โทเพื่อเป็นครู
"เกณฑ์ ที่คุรุสภาใช้อยู่นี้ ก็ไม่เป็นอุปสรรคกับคนที่จะมาเป็นครู แต่เกณฑ์ยังไม่ค่อยครอบคุม ซึ่งคุรุสภา ก็กำลังพยายามปรับเกณฑ์เพื่อให้คร่องตัวขึ้น และเพื่อให้ครที่ไม่ได้เรียนสายครูมาแต่มีความรู้ความเชียวชาญมีประสบการณ์ดี ในสาขาที่ขาดแคลน และสนใจเป็นครูจริง ๆและมีผลการเรียนดี คุรุสภาก็จะเปิดโอกาสให้เข้ามาอยู่ในวิชาชีพ โดยจะมีระบบสนับสนุน ขณะนี้ คุรุสภากำลังปรับระบบใหม่เพิ่ม เพื่อให้ผู้ที่สนใจเป็นครูจริง ๆคือต้องไปสมัตรเข้าสอนเพื่อจะได้ใบประกอบวิชาชีพชั่วคราว ต้องไปอบรมความเป็นครู โดยสมัครเรียน 1 ปี กับคณุครุศาสตร์และศึกษาศาสตร์ ต้องเรียนใบประกอบวิชาชีพครู หรือเรียนปริญญาโท ด้านการศึกษาด้านการสอน แต่หากจะอยู่ในวิชาชีพครูโดยไม่ได้สนใจพัฒนาตรงนี้ ก็จะทำให้ได้คนที่ไม่สนใจจะเป็นครูจริง ๆแต่มาเพียงช่วงระยะหนึ่งอาจก็จะทำให้วิชาชีพครูได้รับความเสียหาย ซึ่งวิธีที่คุรุสภาปรับปรุงขึ้นนี้จะเป็นวิธีที่ง่ายกว่าการแก้ พ.ร.บ.ครู เพราะการแก้พ.ร.บ.เป็นเรื่องใหญ่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี