10 มี.ค.57 นายนเรศ บุญเปี่ยม รักษาการผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) เปิดเผยว่าสำหรับมาตรการในการดำเนินการ กรณี รถเอกชนร่วมบริการเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง ในช่วงที่ผ่านมาทั้งกรณีรถร่วมเอกชนสาย 8 และ สายปอ. 38 ที่ได้เกิดอุบัติเหตุ ซึ่งจากกรณีดังกล่าวทาง ขสมก.ได้มีการวางมาตรการในการป้องกันโดยจัดชุดสายตรวจทำการติดตามพฤติกรรมของพนักงานขับรถและพนักงานเก็บค่าโดยสารอย่างใกล้ชิด รวมถึงจะทำการสำรวจความพึงพอใจการบริการของพนักงาน หากพบว่า มีการร้องเรียนมากเกินกว่า 10 % จะส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบของ ขสมก. เข้าไปติดตามตรวจสอบพฤติกรรมเป็นกรณีพิเศษ หากพบว่ายังมีการกระทำความผิดซ้ำตามการร้องเรียนก็จะทำการพักงานหากยังมีพฤติกรรมเช่นเดิมก็จำเป็นจะต้องให้พ้นจากสภาพการเป็นพนักงาน

ทั้งนี้ ขสมก.ได้มีการตรวจสภาพความพร้อมของรถโดยมีการตรวจสภาพตามตารางการตรวจซ่อมบำรุงตามระเบียบ และได้มีการตรวจสอบก่อนนำรถออกวิ่งให้บริการทุกครั้งรวมถึงมีการตรวจสภาพของรถร่วมปีละ 2 ครั้งด้วยเช่นกัน ส่วนการตรวจสภาพของกรมการขนส่งทางบกไปตามกฏหมาย ซึ่งรถร่วมต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด อย่างไรก็ตาม ทาง ขสมก. จะทำการจัดเก็บข้อมูลของรถร่วมบริการทุกสาย ซึ่งขณะนี้ ขสมก มีข้อมูลของสาย 8 อยู่แล้ว และสายต่อไปที่จะทำการเก็บข้อมูลคือรถร่วมบริการ สาย 44

สำหรับกรณีของการขยายระยะเวลาการให้บริการรถเมล์ฟรีนั้น ทาง ขสมก.ได้ทำการเสนอแล้วจากเดิมที่มีการขยายเวลา 6 เดือน เป็นคราวละ 1 เดือน เนื่องจากไม่มั่นใจว่าการให้บริการรถเมล์ฟรีจะขัดต่อมาตรา 181 หรือไม่ ทั้งนี้ การให้บริการจะสิ้นสุดเดือน ในวันที่ 31 มีนาคม นี้ แต่ได้มีการเสนอขยายระยะเวลาให้เลื่อนออกไปถึงสิ้นเดือนเมษายน 2557 นี้ ซึ่งการขยายระยะเวลาให้บริการทาง ขสมก.ได้ทำการเสนอไปแล้วเมื่อประมาณ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยกระบวนการขณะนี้คาดว่าอยู่ระหว่างการพิจารณา ส่วนกระบวนการดังกล่าวจะต้องผ่านคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือไม่นั้น ทาง ขสมก. ไม่สามารถให้คำตอบได้

นอกจากนี้ กรณีที่สมาคมรถร่วมได้เรียกร้องขอให้รัฐบาลปรับอัตราค่าโดยสารขึ้น 9.61 บาท ซึ่งทางรถร่วมอ้างว่าปัจจุบันรายที่ได้ไม่สะท้อนต้นทุน ทางรัฐบาลจำเป็นจะต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบและในส่วนการร้องขอให้ลดหย่อนกฏหมายการรับพนักงานจาก อายุ 25 ปี เหลือ 23 ปี นั้น คาดว่าไม่สามารถกระทำการได้เนื่องจากเป็นไปตามข้อบังคับของกฏหมาย