นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมเร่งรัดการยกระดับคุณภาพผู้เรียนสู่ความพร้อมในการประเมินระดับนานาชาติ หรือPISA รุ่น 2 ว่า การเลื่อนอันดับผลประเมินPISA ถือเป็นนโยบายสำคัญ และได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแลโดยเฉพาะ โดยเป้าหมายของนโยบายนี้ไม่ได้ต้องการแค่ทำให้อันดับPISA สูงขึ้น แต่ต้องการให้การศึกษาทั้งระบบดำเนินการให้เป็นไปตามแผนยุธศาสตร์ ที่สำคัญการทำให้เกิดการเรียนรู้ ทำความเข้าใจในการปรับการเรียนการสอน การทำให้ผู้เรียนมีความสามารถมีทักษะการคิดวิเคราะห์เป็น มีทักษะที่เป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิตจริง เป็นจุดมุ่งหมายสำคัญของPISA จะเห็นได้ว่าประเทศที่ได้คะแนนPISA ดี ประเทศนั้นจะจัดการศึกษาได้ดี มีผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมดีด้วย 

รักษาการ รมว.ศธ. กล่าวเพิ่มเติมว่า การเพิ่มคะแนนPISA นั้น ต้องเน้นกลุ่มเป้าหมายสำคัญคือ โรงเรียนที่เคยได้คะแนนPISA ต่ำ เพราะการทำให้กลุ่มที่ได้คะแนนสูงอยู่แล้ว ได้คะแนนสู.ขึ้นอีก เป็นเรื่องที่ทำได้ยาก แต่การทำให้กลุ่มที่เคยได้คะแนนต่ำ ทำคะแนนได้ดีขึ้นเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายกว่า และมีผลต่อคะแนนโดยรวม เพราะฉะนั้นการเตรียมความพร้อมในรอบนี้ศธ. จะให้ความสำคัญกับโรงเรียนกลุ่มดังกล่าว โดยจะให้มีการอบรมครู นำข้อสอบไปในนักเรียนทดลองทำอย่างเข้มข้น แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเน้นการติว เพื่อให้เด็กทำคะแนนได้ดี แต่เราจะเอาผลการทดสอบมาวิเคราะห์ดูว่า จุดอ่อนของแต่ละโรงเรียนอยู่ตรงไหน และหาทางแก้ไขภายใน 16 เดือนนี้ จุดอ่อนใดที่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ทันทีก็จะทำเลย

 นายธงชัย ชิวปรีชา ประธานกรรมการคณะกรรมการปฏิบัติการในคณะกรรมการเร่งรัดพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนการสอนเพื่อยกระดับผลการทดสอบ PISA กล่าวว่า หลายประเทศที่ประสบความสำเร็จในการยกระดับคะแนนPISA พบว่าการทำคะแนน PISAดี มีความสัมพันธ์กับคุณภาพการศึกษา และสภาพเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม ดังนั้น จึงต้องทำให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องตระหนักและให้ความสำคัญในเรื่องนี้  ประเทศไทยเหลือเวลาเตรียมตัว อีกประมาณ 16 เดือน ที่จะเข้าสอบในช่วงเดือนสิงหาคม ปี 2558 นี้ โดยมีโรงเรียนที่ต้องเข้าสอบทั้งหมดประมาณ 12,000 โรงเรียน ซึ่งเท่าที่ดูจากระยะเวลาดังกล่าวแล้วเป้าหมายที่จะยกระดับคะแนนPISA ให้เท่ากับค่าเฉลี่ยนานาชาติที่ 500 คะแนนนั้น คงไม่สามารถทำได้ เพราะปัจจุบันคะแนนเฉลี่ยของประเทศไทยอยู่ที่ 440 แต่หากพัฒนาอย่างต่อเนื่องก็อาจได้ตามเป้าหมายในปี 2561 เท่ากับว่าเราจะต้องเร่งพัฒนาเด็กที่อยู่ในชั้น ป.5-6 ให้มีความพร้อมในการสอบPASA ปี2561 ซึ่งน่าจะมีความหวังมากกว่า  และการสอนในโรงเรียนก็จะต้องปรับเปลี่ยนให้ทันเหตุการณ์ด้วย เพราะในอนาคตทิศทางการสอบของPISA จะเปลี่ยนมาใช้การสอบผ่านระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งการสอบจะมีทั้งเสียงและภาพเคลื่อนไหว ดังนั้นโรงเรียนต่าง ๆ จึงต้องเร่งปรับตัว และเตรียมฝึกเด็กเพื่อให้ชินกับการสอบ