18 มิ.ย.58 นายเสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยว่า ปีนี้ประเทศไทยได้รับอธิพลเอลนีโญแรงทำให้ฝนตกน้อยกว่าค่าเฉลี่ยถึง 10% แต่กรมชลประทานยังบริหารจัดการน้ำบนเส้นด้ายโดยการคาดหวังจากน้ำฝน แล้วไปบอกชาวนาเลื่อนปลูกข้าว 2 เดือน ขณะเดียวกันให้ชาวนารอฝน ซึ่งเป็นการบริหารจัดการบนสิ่งควบคุมไม่ได้ หากเกิดฝนไม่ตกวิฤกตแย่งน้ำทุกภาคส่วนตามมาแน่นอน ขณะนี้รัฐบาลควรไปบอกชาวบ้านว่าต้นทุนน้ำมีเท่านี้ และสามารถให้กับภาคเกษตรได้เท่านี้ ต้องไปเจรจากับเกษตรกรให้ปรับเปลี่ยนปลูกพืชใช้น้ำน้อย อย่ากลัวเสียหน้า

"ประเด็นสำคัญรู้ได้อย่างไรว่าฝนมาเต็มที่ในช่วงปลายเดือน ก.ค.ทำให้เห็นว่าการบริหารจัดการน้ำที่อยู่บนความเสี่ยงตลอดเวลา ไม่มีประเทศไหนในโลกคิดอย่างนี้ ถ้าฝนไม่มาก็ตายกันหมดทั้งประเทศอย่างนั้นหรือ ควรไปปรับวิธีการใช้น้ำของชาวนาได้แล้ว ที่ใช้น้ำเกินตัวมาตลอด ดูแล้วอนาคตประเทศไทยตายแน่นอน หากยังปลูกข้าวเต็มที่ 7.4 ล้านไร่ ใช้น้ำ 6 พันล้าน ลบ.ม.ขณะที่น้ำในเขื่อนล่าสุดมีอยู่ 1.2 พันล้าน ลบ.ม.ถามว่าเอาจากไหนอีก 5 พันล้าน ลบ.ม.และน้ำกินน้ำใช้ปีหน้าเอาอะไรกิน กรมชลฯ ต้องหาน้ำให้ได้ปีนี้ 9 พันล้าน ลบ.ม.ซึ่งผ่านมาฝนตกค่าเฉลี่ย ตกประมาณ 1 หมื่นล้าน ลบ.ม.แต่ปีนี้ปริมาณฝนน้อยกว่าปีเฉลี่ย 10% ซึ่งกรมชลฯ กำลังหวังในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เพราะการเมืองพาไปหรือไม่ ผมขอแนะให้กรมชลฯ พูดความจริงกับประชาชน แม้มีมรสุมเข้ามาก็ไม่ได้น้ำฝนเพียงพอที่จะให้ปลูกข้าวเต็มพื้นที่ได้ เพราะน้ำต้นทุนไม่เหลือแล้ว" นายเสรี กล่าว

ทั้งนี้ นายเสรี กล่าวอีกว่า ตนห่วงปีหน้าจะรุนแรงกว่านี้ เพราะน้ำในเขื่อนขนาดใหญ่ทั่วประเทศไม่มีน้ำสำรองแล้ว ทำให้ปี 60 สถานการณ์ขาดน้ำรุนแรงขึ้น จะกระทบกระเทือนไปทั้งประเทศ ดังนั้น รัฐบาลต้องตั้งหลักให้ได้รับมือ และวางมาตราการใช้น้ำที่เหลืออย่างเข้มงวด รวมทั้งปัญหาน้ำเค็มรุกเข้าระบบปะปาและพื้นที่การเกษตร ซึ่งตอนนี้เริ่มมาแล้ว