5 ก.ค.58 นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่กองทัพเรือ ดำเนินการจัดซื้อเรือดำน้ำจากประเทศจีน เป็นเงินจำนวน 3.6 หมื่นล้านบาทว่า การที่รัฐบาลจะอนุมัติงบประมาณ 3.6 หมื่นล้านซื้อเรือดำน้ำจีน 3 ลำ โดยอนุมัติงบค่าศึกษา 200 ล้าน บาทแล้วนั้น โดยส่วนตัวในฐานะอดีตโฆษกกรรมาธิการงบประมาณผ่านการพิจารณางบประมาณของทุกกระทรวงมาหลายปีเห็นว่ายังไม่มีความจำเป็นใดๆในขณะนี้ ยิ่งประเทศเกิดภัยพิบัติจากระบอบทักษิณแล้วกระหน่ำซ้ำเติมด้วยภัยแล้ง ภัยของแพง ภัยข้าราชการทุจริตฉ้อฉล ภัยสำลักประชาธิปไตย รัฐบาลควรชะลอการซื้ออาวุธทุกเหล่าทัพ

ยิ่งเรือดำน้ำ ไม่จำเป็นเลย จะมาอ้างว่ามีภัยคุกคามก็ไม่ได้ เพราะเปิดประเทศเป็นเออีซี.หมดแล้วถึงขั้นที่สปช.เรียกร้องให้เปิดบ่อนคาสิโนเพื่อรองรับเพื่อนบ้านเออีซี.แล้วจะซื้ออาวุธทำไม การโม้ว่าเรือดีเทียบเท่ายุโรป แถมอาวุธเพียบ เรือดำน้ำขั้น"หยวน"มันจะเป็น"หยวนๆ"แบบไทยมากกว่า  ขนาดจัดซื้อเรือรบบนผิวน้ำก็ยังไม่โปร่งใสถูกส.ส.ของพรรค.นำมาอภิปรายรัฐบาลยิ่งลักษณ์มาแล้ว แต่คนที่เกี่ยวข้องก็ยังได้เป็นสนช.

ตนไม่ได้ขัดขวางการพัฒนาของกองทัพหรือคสช. แต่ควรดูสถานการณ์ของประเทศในขณะนี้ว่าสถานะการคลังมั่นคงหรือยัง ความเป็นอยู่ปากท้องของประชาชนว่ายากลำบากยากแค้นแสนเข็ญขนาดไหน เมื่อก่อนยังกินปลาทูปลาเค็มเหลือก้างไว้กินมื้อต่อไปได้ แต่เดี๋ยวนี้แม้แต่ก้างปลาก็ต้องระวังขโมย มันเดือดร้อนสาหัสไปทั่วจริงๆนับแต่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร สร้างปัญหาทิ้งไว้ให้กับประเทศและประชาชนทุกคน

ผมเสียดายแม้กระทั่งค่าใช้จ่ายในการศึกษา 200 ล้านบาท ถ้ามีโอกาสแนะนำได้จะไม่ต้องใช้แม้แต่บาทเดียวประหยัดงบให้รัฐบาล คือ ให้ศึกษาจากกูเกิ้ลก็รู้และดูได้แล้ว

"ผมเกรงว่าในที่สุดโครงการนี้จะไปซ้ำรอยกับรถถังจากยูเครนหรือเรือเหาะ350 ล้านที่ปัตตานี จากเรือเหาะกลายเป็นเรือจอด
จากเรือดำน้ำจะกลายเป็นเรือจมน้ำ สำหรับประเทศไทยอะไรๆก็เกิดขึ้นได้เสมอ

ผมจึงไม่อยากให้กองทัพหรือคสช.เสียรังวัด ตกเป็นขี้ปากของใครในขณะนี้เพราะพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช.และนายกรัฐมนตรีกำลังนำประเทศสู่โรดแม็ปการเลือกตั้งซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้เรือดำน้ำหรือเรือดันน้ำแต่ประการใด" นายวัชระกล่าว