ปธ.กกต.ขู่ฟ้อง
ฉุน‘ภุชงค์’แฉลวงลูก
อดีตเลขาฯตอกกลับไม่กลัว
‘บิ๊กตู่’ใช้ม.44เลือกปธ.ปปช.
เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม นายศุภชัย สมเจริญประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) กล่าวถึงกรณี นายภุชงค์ นุตราวงศ์ อดีตเลขาธิการ กกต.ระบุไม่ได้รับความเป็นธรรมและมี กกต.แทรกแซงการทำงานว่า ยิ่งพูดมากก็ยิ่งเสียเอง เท่ากับประจานตัวเอง กกต.เลิกจ้าง นายภุชงค์ แล้วก็พาลมาด่า กกต.ซึ่งตนเป็นหนึ่งในกกต.ที่ลงมติ เมื่อเขาด่ามา ตนก็เฉยๆเพราะคนฟังจะรู้เอง ยิ่งเขาดิ้นมาก หลุมก็ยิ่งลึก ทั้งนี้ตนไม่เคยไปล้วงลูก เพราะงานของตัวเองมีมากอยู่แล้ว จะไปล้วงลูกเลขาธิการฯทำไม ที่ผ่านมา นายภุชงค์ ทำหน้าที่หรือไม่ ตอนนี้ให้เขาพูดไปก่อนแล้วค่อยมาสรุปข้อมูล หากพูดข้อความใดเข้าข่ายหมิ่นประมาท ก็จะฟ้องร้องข้อหาหมิ่นประมาททันที
คาดเลิกจ้าง-หน้ามืดซัดแหลก
“ผมเป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่ไปทะเลาะและไม่ตอบโต้ ส่วนตัวไม่มีปัญหากับใคร และไม่เคยก้าวก่ายการทำงาน เขาจะพูดอะไรก็แล้วแต่เขา คนโดนเลิกจ้าง มักจะหน้ามืด ไม่คิดอะไร การพูดอะไรต้องคิด ไม่ใช้ใช่แต่อารมณ์ เขาออกมาด่าทุกคน ผมก็อโหสิกรรมให้ แต่ถ้าคุณภุชงค์เห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็ไปฟ้องศาลปกครองได้ ผมไม่กังวล เพราะทุกอย่างว่ากันไปตามหลักฐาน และการทำหน้าที่ของผมสามารถตรวจสอบได้ ถ้าสังคม และผู้ใหญ่เห็นว่าผมไปรังแกเลขาฯ ก็พร้อมที่จะลาออกทันที ไม่ยึดติดตำแหน่ง” นายศุภชัย กล่าว
‘ภุชงค์’ไม่หวั่นฟ้อง-พูดความจริง
ด้าน นายภุชงค์ นุตราวงศ์ อดีตเลขาธิการ กกต.กล่าวถึงกรณีกรรมการ กกต.หลายคนออกมาปฏิเสธเรื่องการล้วงลูก แต่เป็นการกำกับนโยบาย ว่า หากเป็นการกำกับนโยบายก็ควรส่งให้เลขาธิการฯดำเนินการ ไม่ใช่ลงมาทำเอง ส่งคนของตัวเองเข้ามาทำและให้รองเลขาธิการฯมาของบจากเลขาธิการฯ เพื่อไปดำเนินการเอง เรื่องนี้เจ้าหน้าที่ กกต.ก็รู้ว่า มีการล้วงลูก ซึ่งหากไม่มีการล้วงลูกตนจะเอาหัวเดินต่างเท้าเลย อย่างไรก็ตามคาดว่า ภายในวันที่ 11ธันวาคมนี้ จะมีหนังสือเลิกจ้างส่งมาถึงตน จากนั้นตนจะยื่นอุทธรณ์ต่อ กกต.โดยไม่หวังจะกลับไปดำรงตำแหน่งเลขาธิการฯ แต่ต้องการฟ้องศาลปกครอง เพื่อให้เป็นบทเรียนแก่สำนักงาน กกต.
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต.เตือนว่า หากมีการพูดข้อความใดที่เข้าข่ายหมิ่นประมาทก็จะฟ้องหมิ่นประมาท นายภุชงค์ กล่าวว่า ก็ยินดี ก็ว่ากันไป เพราะสิ่งที่ตนพูดตนก็ต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่ว่าตนอยากขึ้นศาล แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งตนก็ต้องพูด เพื่อให้เกิดความโปร่งใส
แฉ2ฝ่ายสร้างปัญหาให้องค์กร
แหล่งข่าวจาก กกต.ให้ความเห็นว่า ทั้ง กกต.และนายภุชงค์ ต่างเป็นปัญหาของสำนักงาน โดย นายภุชงค์ ที่ผ่านมาทำงานขาดวางหลักเกณฑ์ที่ชัดเจน การทำงานตามภารกิจที่ได้ชูเป็นนโยบายไว้ตอนรับตำแหน่งไม่ก้าวหน้า ไม่มีความสำเร็จ การแต่งตั้งโยกย้ายพนักงานมีการร้องเรียนเรื่องไม่ได้รับความเป็นธรรม มีการสนับสนุนแต่คนใกล้ชิดให้ได้รับตำแหน่งสูงขึ้น ได้เข้ารับอบรมหลักสูตรต่างๆ หรือเดินทางไปศึกษาดูงานต่างประเทศ ในยุคของ นายอภิชาต สุขัคคานนท์ เป็นประธาน กกต.ไม่เป็นปัญหา ก็เพราะสามารถทำงานได้เข้าขากับตัวประธาน กกต.ในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุดของสำนักงานได้เป็นอย่างดี แต่ก็มีปัญหากับ กกต.คนอื่นเช่นกัน
แต่งตั้งจนท.ผลาญ24ล้านจริง
ในส่วนของ กกต.ชุดปัจจุบัน การปฏิบัติงานมีการล้วงลูกจริง บางกรณีเป็นเพราะเลขาฯไม่ดำเนินการ กรรมการก็ต้องส่งคนของตนเองเข้าไปดำเนินการ โดยจะเป็นที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญเข้าไปล้วงลูกในแต่ละด้านกิจการที่กรรมการของตัวเองรับผิดชอบ ในการทำงานของคณะกรรมการชุดต่างๆ อาทิ การกลั่นกรองบุคลากรเข้าสู่ตำแหน่งก็จะมีการแต่งตั้งให้ที่ปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญของ กกต.แต่ละคนเข้าไปทำหน้าที่ ซึ่งแม้จะวางหลักเกณฑ์การพิจารณาการเข้าสู่ตำแหน่ง แต่การแต่งตั้งโยกย้ายพนักงานหรือผู้บริหารระดับสูงก็ยังเป็นลักษณะวางคนใกล้ชิดให้ไปดำรงตำแหน่ง ขณะที่การแต่งตั้งที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญและทีมงานประจำ กกต.แต่ละคนก็ไม่เหมาะสม จนเกินความจำเป็น อย่างที่ นายภุชงค์ ออกมาให้ข้อมูลว่า ทำใหต้องเสียงบประมาณถึงปีละ 24ล้านบาท
‘มีชัย’ยันร่างรธน.เสร็จ29มค.59
ด้าน นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการร่างรัฐธรรมนูญ ว่า กรธ.กำลังพิจารณาตามหมวดต่างๆ ซึ่งขณะนี้ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว เหลือเพียงหมวดคณะรัฐมนตรี (ครม.) การปกครองส่วนท้องถิ่นและการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ โดยการประชุมน อ.ชะอำ จ.เพชรบุรีจะพิจารณาร่างอย่างละเอียดอีกครั้ง จากนั้นจะตรวจภาษาและความสอดคล้องของร่างรัฐธรรมนูญทั้งหมดให้เกิดความต่อเนื่อง ก่อนที่จะเปิดเผยร่างรัฐธรรมนูญร่างแรกให้ทุกฝ่ายเห็นทั้งฉบับในวันที่ 29มกราคม2559
ไฟเขียวซักฟอก’นายกฯ-ครม.’
ส่วนการกำหนดหลักการเกี่ยวกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น รัฐธรรมนูญฉบับเดิมให้อภิปรายได้เฉพาะนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล รวมถึงการกล่าวหาว่าทุจริตที่ต้องไปยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ถือเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก กรธ.จึงเห็นว่าควรให้อภิปรายได้ทั้งนายกรัฐมนตรีและครม.ไม่จำเป็นต้องยื่นกับปปช.ถ้ามีการกล่าวหาว่ามีการทุจริต เพราะโดยหลักการเรื่องทุจริตต้องไปยื่นต่อ ปปช.อยู่แล้ว
ผู้นำฝ่ายค้านฉายเดี่ยวได้1ครั้ง
นายมีชัย กล่าวต่อว่า ขณะนี้มีการตั้งประเด็นปัญหาว่าหากเสียงฝ่ายค้านไม่ถึง 1ใน5 จะทำอย่างไร กรธ.จึงเสนอให้ผู้นำฝ่ายค้านสามารถเสนอรัฐบาลเปิดประชุมนัดพิเศษได้ เพื่อเสนอแนะความคิดเห็นเกี่ยวกับการบริหารงานของรัฐบาล โดยกำหนดเงื่อนไขให้ผู้นำฝ่ายค้านสามารถอภิปรายแต่เพียงผู้เดียวและอภิปรายได้เพียง 1ครั้ง แต่จะเป็นในสมัยนิติบัญญัติหรือสมัยสามัญทั่วไปก็ได้เพื่อไม่ให้บาดหมางน้ำใจกันและเพื่อเป็นการร่วมกันทำงานเพื่อบ้านเมือง รวมถึงสร้างความปรองดอง โดยตนยืนยันว่า กระบวนการนี้ไม่ได้ทำให้การตรวจสอบฝ่ายบริหารลดลง ส่วนการเขียนคุณสมบัติของผู้ที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีและครม.นั้น เบื้องต้น กรธ.ตั้งใจจะเขียนคุณสมบัติให้เข้มข้นมากขึ้น ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาว่า จะกำหนดให้มีสิ่งใดเพิ่มบ้าง
ยันร่างรธน.เสร็จทันเวลาแน่นอน
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะร่างรัฐธรรมนูญอย่างไรไม่ให้ถูกฉีกอีกครั้ง นายมีชัย กล่าวว่า ความหวังไม่ได้อยู่ที่ตัวรัฐธรรมนูญ แต่ขึ้นอยู่กับปัจจัย 2ข้อ คือ 1.การศึกษาที่จะทำให้คนมีวินัย และ 2.องค์กรต่างๆที่บังคับใช้กฎหมาย ถ้าทำอย่างตรงไปตรงมาเข้มงวด รัฐธรรมนูญก็จะอยู่ยาว อย่างไรก็ตามขณะนี้ตนยังคิดไม่ออกว่าจะเขียนกลไกใดเพื่อป้องกันการฉีกรัฐธรรมนูญ แต่มีคนเสนอว่าต้องเขียนไว้ ขอยืนยันว่าแรงกดดันของรัฐบาลจะไม่มีผลกระทบต่อการร่างรัฐธรรมนูญ เพราะกรธ.มีเวลาทำงานชัดเจน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ต้องทำให้เสร็จตามกรอบเวลา
‘วิษณุ’ชี้คำสั่งคสช.ปลดล็อคปปช.
วันเดียวกัน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงคำสั่งหัวหน้า คสช.ฉบับที่45/2558 ให้ นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พ้นจากตำแหน่งและให้เลือกประธาน ปปช.คนใหม่ ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯต่อไปในคราวเดียวกับกรรมการปปช.ชุดใหม่ว่า ก่อนหน้านี้ถกเถียงกันว่า กฎหมายกำหนดให้กรรมการ ปปช.เลือกคนใดคนหนึ่งเป็นประธาน ปปช.แต่เมื่อยังไม่มีการโปรดเกล้าฯบุคคลที่ผ่านการรับรองจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จำนวน 5คน บุคคลดังกล่าวจึงใช้สิทธิ์เลือกประธานไม่ได้
เลือก’ปธ.ปปช.’คนใหม่ได้ทันที
ขณะเดียวกัน มีธรรมเนียมในอดีตที่เคยเลือกประธานปปช.ก่อนและนำขึ้นทูลเกล้าฯพร้อมกันในครั้งเดียวมาแล้วคือ กรณีคณะกรรมการ ปปช.ชุดแรก เพื่อไม่ต้องนำขึ้นทูลเกล้า 2ครั้ง แต่มีปัญหาใหม่ว่า ก่อนหน้านี้มีคำสั่งหัวหน้าคสช.ให้ นายปานเทพ ทำหน้าที่ประธานโดยไม่ได้กำหนดวันสิ้นสุด การจะเลือกประธานคนใหม่ โดยมีประธานคนเก่าอยู่จะทำอย่างไร เพื่อคลี่คลายปัญหาทุกปม จึงทำให้ นายปานเทพ พ้นตำแหน่งและเพิ่มอำนาจให้ผู้ได้รับเลือกเป็นกรรมการปปช.ชุดใหม่ 5คน สามารถประชุมร่วมกับกรรมการ ปปช.ชุดเก่า จำนวน 4คน เพื่อเลือกประธานปปช.ได้
‘ปานเทพ’ยินดี-มีทางออกแล้ว
ด้าน นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ อดีตประธาน ปปช.กล่าวถึงคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่มีผลให้พ้นจากตำแหน่งประธาน ปปช.ว่า เป็นการปลดล็อกปัญหาการเลือกประธานคนใหม่ เมื่อมีคำสั่งดังกล่าวจะทำให้ขั้นตอนต่างๆ ชัดเจนขึ้น โดยจากนี้เลขาธิการปปช.จะเชิญกรรมการชุดเดิม 4คนและกรรมการชุดใหม่ 5คน เพื่อให้ทั้ง 9คนมาประชุมหารือและเลือกประธานปปช.ในสัปดาห์หน้า ก่อนจะนำรายชื่อทั้งหมดส่งให้ สนช.เพื่อนำความกราบบังคมทูลฯในคราวเดียวกัน
เล็งนัดถกเลือกปธ.ใหม่14-16ธค.
ขณะที่ นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ปปช.เปิดเผยว่า ตนกำลังประสานงานกับกรรมการปปช.เดิม 4 คนและกรรมการปปช.ใหม่ 5คน เพื่อเชิญประชุมเพื่อเลือกประธาน ปปช.คนใหม่ ขณะนี้กำลังสอบถามว่าสะดวกและพร้อมที่จะประชุมกันวันไหน ระหว่างช่วงวันที่ 14-16ธันวาคม สำหรับวิธีเลือกประธานปนั้น สำนักเลขาธิการ ปปช.จะรายงานรายละเอียดขั้นตอนตามระเบียบให้ทั้ง 9คนรับทราบ เนื่องจากมีกฎเกณฑ์การปฏิบัติอยู่แล้วและต้องสอบถามทั้ง 9 คนก่อนว่า จะใช้วิธีลงคะแนนวิธีใดระหว่างลงคะแนนอย่างเปิดเผยกับลงคะแนนลับ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี