5 เม.ย.59 ที่ห้องพิจารณา 814 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมิ่นเบื้องสูง หมายเลขดำ อ.1716/2558 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายบุญธรรม หรือป๋าชื่น บุญเทพประทาน อายุ 66 ปี กรรมการผู้มีอำนาจ บริษัท บ้านชุมทอง จำกัด และเขาใหญ่ เบเวอร์ลี่ฮิลล์ จำกัด เป็นจำเลย ในความผิดฐาน หมิ่นเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
ตามฟ้อง อัยการโจทก์ เมื่อวันที่ 15 พ.ค.58 ระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อ ระหว่างปี 2550 - 2551 วันเวลาใด ไม่ปรากฏชัด ที่ดินบริเวณเขาหนองเชื่อม ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา มีบางส่วน มีสภาพภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงชัน บางส่วนเป็นพื้นที่ทับซ้อน กับที่ดินที่ทางฝ่ายทหารที่มีหนังสือขอใช้พื้นที่อย่างเป็นทางเมื่อปี 2534 และบางส่วนเป็นพื้นที่ ที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินแห่งชาติ ได้กันไว้เป็นพื้นที่ทดแทนพื้นที่ต้นน้ำ ที่ดินบริเวณดังกล่าวจึงไม่สามารถออกโฉนดที่ดินได้ แต่ต่อมา นายบุญธรรม มีความประสงค์จะนำที่ดินบริเวณดังกล่าว มาขอออกโฉนดที่ดินเพื่อจัดสรรขายให้ผู้ที่ต้องการซื้อที่ดินไปปลูกบ้านพักตากอากาศในราคาสูงทำกำไรได้มาก ซึ่งนายบุญธรรม จำเลย ได้ร่วมมือกับ นายเสฏฐวุฒิ หรือตั๊ก เพ็งดิษฐ์ จำเลยคดีหมายเลขดำ อ.1666/2558 นายหน้าค้าที่ดิน ให้ไปดำเนินการขอ ออกโฉนดที่ดินบริเวณดังกล่าว เนื้อที่หลายร้อยไร่ โดยนายบุญธรรม จำเลย ได้พูดกับนายเสฏฐวุฒิ โดยมีถ้อยคำบางตอนที่อ้างว่า มีความสนิทสนมกับ พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ อดีต รอง ผบช.ก.และ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก.ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้า ของอดีตหม่อมศรีรัศมิ์ หากนายเสฏฐวุฒิ มีปัญหาหรืออุปสรรคขั้นตอนใดๆ ในการขอออกโฉนดที่ดิน ก็ให้มาบอกกล่าวกับนายบุญธรรม จำเลย ได้ทันที ซึ่งถ้อยคำนั้น เป็นการแอบอ้าง จาบจ้วง ล่วงเกิน ที่จะทำให้เกิดความเสียหายต่อองค์รัชทายาท และต่อมายังได้พูดแอบอ้างกับนายเสฏฐวุฒิ อีกโดยมีเจตนาชัดเจนที่ต้องการแอบอ้างรัชทายาท เพื่อให้ตนเองสมประโยชน์ เหตุเกิดที่ ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ชั้นพิจารณาจำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่ทั้งสองฝ่ายนำสืบหักล้างแล้ว เห็นว่าโจทก์มีพนักงานสอบสวนซึ่งเป็นชุดพนักงานสอบสวนที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.เมื่อปี 2558 มีคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนกว่า 30 นาย เพื่อสืบสวนสอบสวนหลักฐานทางคดี เบิกความสอดคล้องกันถึงคำให้การของนายเสฏฐวุฒิ ผู้ต้องหา ซึ่งให้การว่าช่วงปี 2550 - 2551 ได้รับประสานให้รวบรวมที่ดินที่อำเภอปากช่องและได้รับเงินเดือนๆละ 20,000 บาท จากจำเลย โดยจำเลยอ้างกับนายเสฏฐวุฒิ ว่าหากมีปัญหาดำเนินการให้มาบอกเพราะรู้จักกับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้า ของอดีตหม่อมศรีรัศมิ์ นอกจากนี้ยังมีพยานซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินปากช่อง เบิกความว่าครั้งแรกนายเสฏฐวุฒิ มาขอออกโฉนดที่ดินเพื่อจะทำโรงแรมแต่เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นภูเขาสูงชัน มีความชันเกินกว่า 35 องศาและเป็นพื้นที่ทับซ้อนกับพื้นที่ทหารซึ่งไม่สามารถออกโฉนดได้ ภายหลังนายเสฏฐวุฒิ ได้ดำเนินการอีกโดยระบุว่าจำโฉนดที่ดินไปถวาย นอกจากนี้ ยังมีนายก อบต.อีกปากเบิกความว่าเมื่อปลายปี 2550 มีการมาขอให้พยานรับรองออกโฉนดที่ดิน ซึ่งพยานแจ้งว่าการออกโฉนดไม่สามารถดำเนินการได้ โดยคำเบิกความของพยานโจทก์ดังกล่าวก็เป็นลำดับขั้นตอนและสอดคล้องกับคำให้การในชั้นสอบสวนอีกทั้งพยานดังกล่าวไม่เคยรู้จักหรือมีสาเหตุโกธรเคืองกับจำเลยมาก่อน จึงรับฟังได้ว่าคำเบิกความของพยานเป็นไปตามหน้าที่
ศาลเห็นว่า เมื่อมีการฟ้องคดีนายเสฏฐวุฒิ ศาลก็ให้โอกาสเต็มที่ในการต่อสู้คดีแต่จำเลยก็ให้คำรับสารภาพ ซึ่งได้มีคำตัดสินและคดีถึงที่สุดเมื่อไม่มีการยื่นอุทธรณ์ ขณะที่คำให้การในชั้นสอบสวนของนายเสฏฐวุฒิ ก็ได้กระทำต่อหน้าทนายความ ซึ่งแม้คำให้การในชั้นสอบสวนดังกล่าวจะเป็นการซัดทอดจำเลยด้วย แต่คำให้การนั้นก็ไม่ทำให้นายเสฏฐวุฒิ พ้นจากความผิดเช่นกัน อีกทั้งการสอบสวนก็ทำในรูปแบบของคณะทำงานตามคำสั่งของ ผบ.ตร.คำให้การจึงมีน้ำหนักให้รับฟังได้เพื่อพิสูจน์ว่าจำเลยมีความผิดหรือบริสุทธิ์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา226 ซึ่งฟังได้ว่าคำให้การของพนักงานสอบสวนนั้นได้มาโดยชอบ
สำหรับที่จำเลยสู้ว่าถูกกลั่นแกล้งเพราะจำเลยให้ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และ พล.ต.ต.โกวิทย์ จำเลยในคดีหมิ่นเบื้องสูงเช่าที่เปิดบ่อนโคลอนเซ่นั้น จำเลยมีเพียงตนเองและบุตรชาย เบิกความโดยไม่มีพยานหลักฐานอื่นมาสนับสนุน พยานหลักฐานโจทก์จึงรับฟังได้ว่าจำเลยได้รับประโยชน์ในการออกโฉนดที่ดิน ซึ่งได้มีการกล่าวอ้างถึงองค์รัชทายาท ทำให้ถูกดูหมิ่นและเสื่อมเสียพระเกียรติยศจึงเป็นความผิดตามฟ้องโจทก์ พิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 รวม 2 กระทงๆละ 8 ปี รวม 16 ปี ทางนำสืบจำเลยให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี ลดโทษให้กระทงละ 1 ใน 4 คงจำคุกจำเลย ละ 6 ปี รวม 12 ปี
ภายหลังนายบุญธรรม หรือป๋าชื่น ก็ได้พูดคุยกับบุตรชายและญาติ ซึ่งมีการหารือว่าจะนำคำพิพากษาไปปรึกษาทีมทนายว่าจะมีการอุทธรณ์คดีต่อหรือไม่ จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงได้นำตัวนายบุญธรรม ไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ นายเสฏฐวุฒิ หรือตั๊ก เพ็งดิษฐ์ อายุ 52 ปี อาชีพนายหน้าค้าที่ดิน ซึ่งเป็นน้องชาย นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นั้น อัยการฝ่ายคดีอาญา 9 ได้ยื่นฟ้องเป็นจำเลยในความผิดฐานเดียวกัน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ต่อศาลอาญา เมื่อวันที่ 12 พ.ค.58 และศาลอาญา มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 14 พ.ค.58 ว่า ผิดตามประมวลกำหมายอาญามาตรา 112 จำคุก 5 ปี คำรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปี 6 เดือน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี