สลายขั้ว‘บูรพาพยัคฆ์’
บิ๊กตู่ลงนาม
แต่งตั้งโยกย้ายขุนทหาร
ทุกสายมีสิทธิ์บริหารกองทัพไทย
บิ๊กเจี๊ยบคุมทบ.‘บิ๊กแดง’นั่งทัพ1
นำบัญชีรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้ลงนามในบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพลประจำปี 2559 พร้อมนำขึ้นทูลเกล้าฯ ในเย็นวันที่ 24 สิงหาคม
ทั้งนี้ผู้ที่ขึ้นดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) คือ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท (ตท.16) ผู้ช่วย ผบ. พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร (ตท.17) เสนาธิการทหารบก (เสธ.ทบ.)ดำรงตำแหน่ง รองผู้บัญชาการทหารบก (รองผบ.ทบ.) พล.ท.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ (ตท.18) แม่ทัพภาคที่ 1 พล.ท.สมศักดิ์ นิลบรรเจิดกุล แม่ทัพภาคที่ 3 ขึ้นเป็น ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก (ผช.ผบ.ทบ.)
โดย พล.ท.สสิน ทองภักดี รอง เสนาธิการทหารบก ขึ้นเป็น เสนาธิการทหารบก ส่วนพล.ท.ณัฐ อินทราเจริญ รองเสนาธิการทหารบก(ตท.20) น้องเลิฟพล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ ที่คาดว่าจะขยับไปเป็นแม่ทัพภาคที่ 3 ก็ยังคงอยู่ตำแหน่งเดิม โดยมีพล.ท.บรรเจิด ฉางปูนทอง แม่ทัพน้อยที่ 3 ขยับขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 3 สำหรับกองทัพภาคที่ 1 เป็นที่แน่นอนแล้วว่า บิ๊กแดง พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพน้อยที่ 1(ตท.20) ขยับขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 โดยมีคู่แคนดิเดทอยู่ที่บิ๊กตู่ พล.ต.กู้เกียรติ ศรีนาคา รองแม่ทัพภาคที่ 1 (ตท.20) น้องรักพล.อ.ประวิตร อีกคน ได้แค่ขยับขึ้นเป็นแม่ทัพน้อยที่1อัตราพลโท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับสาเหตุที่พล.อ.เฉลิมชัย ขึ้นเป็นผบ.ทบ. เนื่องจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ได้หารือกับพล.อ.ประวิตร จนได้ข้อสรุปว่า จำเป็นต้องคืนความชอบธรรม ให้กับกองทัพโดยเฉพาะความเป็นเอกภาพ ไม่จำเป็นที่จะต้องสนับสนุน นายทหารที่เติบโตจากบูรพาพยัคฆ์เสมอไป เพราะต้องการให้นายทหารที่เติบโตจากสายงานของตนเอง มีโอกาสที่ขึ้นเป็น ผบ.ทบ.เพราะมิฉะนั้นจะทำให้เสียกำลังใจ
อย่างไรก็ตามการหารือ กับรมว.กลาโหม ในฐานะที่ดูแลความมั่นคงไม่มีปัญหาอะไร เพรานายกฯ ได้มอบอำนาจให้รองนายกฯ ที่ดูแลความมั่นคง สามารถที่จะสั่งการโดยตรงกับผู้ใต้บังคับบัญชาได้อยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นจะต้องมาจากบูรพาพัคฆ์หรือลูกน้องเก่า จึงเชื่อได้ว่าการตัดสินใจในครั้งของนายกฯ เป็นไปอย่างมีคุณธรรม สร้างความศรัทธาและเชื่อมั่นให้แก่กำลังพล ในการปฏิบัติงาน ให้กับทางรัฐบาลในช่วงที่มรการเปลี่ยนผ่าน ทั้งนี้เหตุการณ์ในพื้นที่ภาคใต้ นับเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้นายกฯ ตัดสินใจเลือก พล.อ.เฉลิมชัย ขึ้นเป็นผบ.ทบ เนื่องจากมีความเหมาะสมในการควบคุมดูแลสถานการณ์ได้
ส่วนตำแหน่งที่หน้าสนใจ ปรากฏว่า กระทรวงกลาโหม บิ๊กช้าง พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รองปลัดกระทรวงกลาโหม(ตท.16) ได้ขึ้นเป็นปลัดกระทรวงกลาโหม ส่วนกองบัญชาการกองทัพไทยเป็นไปตามคาดไม่พลิกโดย บิ๊กปุย พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัต เสนาธิการทหาร (ตท.15) ขึ้นเป็น ผบ.สส. โดยมีพล.อ.หัสพงศ์ ยุวนวรรธนะ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา(ตท.16) เป็นรอง ผบ.สส. บิ๊กต๊อก พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ รองเสนาธิการทหาร (ตท.17) ขึ้นเป็น เสนาธิการทหาร
ขณะที่กองทัพเรือจะมีเกษียณ 2 ตำแหน่ง คือ รองผู้บัญชาการทหารเรือ (รอง ผบ.ทร.) และเสนาธิการทหารเรือ (เสธ.ทร.) คาดว่า พล.ร.ท.พูลศักดิ์ อุบลเทพชัย รองเสธ.ทร.(ตท.17) เป็นเสธ.ทร. อีกทั้งจะขยับ พล.ร.อ.นริส ประทุมสุวรรณ ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ (ตท.17) ไปเป็นรองปลัดกระทรวงกลาโหม แทน พล.ร.อ.อนุทัย รัตตะรังสี ที่จะเกษียณ รวมถึงขยับ พล.ร.อ.ไกรวุธ วัฒนธรรม ผู้ช่วย ผบ.ทร. (ตท.16) ไปเป็นรอง ผบ.สส. และให้ พล.ร.ท.จุมพล ลุมพิกานนท์ รองเสธ.ทร. (ตท.17) มาเป็นผู้ช่วย ผบ.ทร.แทน ส่วน พล.ร.ท.สุชีพ หวังไมตรี รองเสธ.ทร. (ตท.17) มาเป็นผู้บัญชาการกองเรือยุทธการแทน
ขณะที่กองทัพอากาศมีแคนดิเดตผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ที่จะมาแทน พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผบ.ทอ. คือ พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง เสนาธิการทหารอากาศ (เสธ.ทอ.)(ตท.16) โดยหลักการแล้วผู้ที่จะเป็น ผบ.ทอ. ต้องมาจากตำแหน่งเสนาธิการทหารอากาศ และมีอายุราชการ 2 ปี เพื่อที่จะได้วางยุทธศาตร์การทำงานได้ต่อเนื่อง สำหรับ พล.อ.อ.สุทธิพงษ์ อินทรียงค์ ผู้บัญชาการกรมควบคุมการปฏิบัติการทางอากาศ (ตท.17) เป็นเสนาธิการทหารอากาศ โดยพล.อ.ท.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน รองเสนาธิการทหารอากาศ (ตท.18) มาเป็นผู้ช่วยผบ.ทอ.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี