24 ม.ค.61 นายเปียร์ก้า ตาปิโอลา เอกอัครราชทูต คณะผู้แทนสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย แสดงความเห็นถึงสถานการณ์ทางการเมืองไทยหลังคณะกรรมาธิการ(กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาร่างพรป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)มีมติขยายเวลาการบังคับใช้กฎหมายไป 90 วัน ซึ่งจะส่งผลให้มีการเลื่อนโรดแมปการเลือกตั้งจากเดือนพฤศจิกายนปี 61 ไปเป็นเดือนกุมภาพันธ์ปี 62

"อียูเข้าใจดีถึงความแตกต่างระหว่างฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งทั้งสองฝ่ายเป็นฝ่ายอำนาจที่จำเป็นและเป็นอิสระในระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย ซึ่งนี่ก็คือเหตุผลที่สหภาพยุโรปสนับสนุนการกลับคืนสู่การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยในประเทศไทยให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้"

นายเปียร์ก้า กล่าวว่า ท่ามกลางความท้าทายที่ยังคงเหลืออยู่สำหรับการจัดเตรียมการเลือกตั้งอย่างทันท่วงที หนึ่งในนั้นคือยังคงมีข้อจำกัดมากมายต่อเสรีภาพในการแสดงออก เสรีภาพสื่อ เสรีภาพในการชุมนุมและรวมกลุ่มอย่างสงบ รวมทั้งกิจกรรมต่างๆ ของพรรคการเมืองและองค์กรภาคประชาสังคม ดังที่กล่าวไว้ในผลสรุปการประชุมของคณะรัฐมนตรีต่างประเทศสหภาพยุโรปเกี่ยวกับประเทศไทย เมื่อเดือนธันวาคม 2560 เราขอเรียกร้องให้ยกเลิกข้อจำกัด เหล่านี้โดยเร็วที่สุด

"เราเข้าใจว่ายังคงเป็นไปได้ที่จะมีการจัดการเลือกตั้งภายในเดือนพฤศจิกายนพ.ศ.2561 และส่งเสริมให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายให้ความเคารพต่อโรดแมป เพื่อกลับคืนสู่ประชาธิปไตยในประเทศไทยที่ได้ประกาศไปก่อนหน้านี้ เพื่อประโยชน์ของประชาชนทุกคน สหภาพยุโรปพร้อมที่จะช่วยเหลือประเทศไทยในความพยายามนี้" นายเปียร์ก้า กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.2560 เฟซบุ๊กของคณะผู้แทนสหภาพยุโรป(อียู) ประจำประเทศไทย ได้ประกาศปรับความสัมพันธ์ด้านการเมืองกับประเทศไทย รวมถึงด้านสิทธิมนุษยชน เสรีภาพขั้นพื้นฐาน และแผนการดำเนินงานสู่ประชาธิปไตย  โดยมีเงื่อนไขเรียกร้องให้ประเทศไทยมีการคืนสู่กระบวนการทางด้านประชาธิปไตยเร่งที่สุดตามคำแถลงของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อวันที่ 10 ต.ค.2560 ที่ว่าการเลือกตั้งทั่วไปจะมีขึ้นในเดือนพ.ย.2561 

นอกจากนี้คณะรัฐมนตรีต่างประเทศอียูยังเรียกร้องให้ประกาศใช้กฏหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่เหลืออยู่เร็วที่สุดและให้เคารพกำหนดการจัดการเลือกตั้งตามที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ  อีกทั้งขอเรียกร้องให้ผู้มีอำนาจของไทยไม่ดำเนินคดีต่อพลเรือนในศาลทหารซึ่งรวมถึงความผิดเกี่ยวกับการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ 12 ก.ย.2559