เลขาธิการศาลยุติธรรม เผยศาลฎีกาพร้อมฟันองค์กรอิสระละเมิดมาตราฐานจริยธรรม หลังรธน.ใหม่กำหนดมาตราฐานจริยธรรมกำกับดูเเลตัวเอง ระบุกฎหมายใหม่ให้อำนาจปธ.ศาลฎีกา ตั้งคณะไต่สวนอิสระไต่สวน ปปช.ละเมิดจริยธรรม
11 ก.พ.61 นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวตอนหนึ่งในงานสัมมนาสื่อมวลชนสัมพันธ์ ซึ่งจัดขึ้นที่หรรษา คาชัวรินา อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ว่า หลังจากศาลรัฐธรรมนูญได้ออกมาตรการทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เเละผู้ดำรงตำเเหน่งในองค์กรอิสระ โดยประกาศราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 30 ม.ค.61 แล้ว ดังนั้นบุคคลที่จะอยู่ภายใต้มาตราฐานจริยธรรมดังกล่าว ประกอบด้วย ศาลรัฐธรรมนูญ , กกต. , ป.ป.ช. , ผู้ตรวจการแผ่นดิน , กรรมการตรวจเงินแผ่นดิน , คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) , คณะรัฐมนตรี (ครม.) , ส.ส.และ ส.ว.ก็ต้องอยู่ภายใต้มาตรฐานจริยธรรมที่มีการกำหนดมา
นายสราวุธ กล่าวว่า สำหรับมาตรฐานขอบเขตจริยธรรมตามรัฐธรรมนูญมาตรา 219 วรรค 2 หากฝ่าฝืน บทลงโทษจะมีหมวดร้ายแรงและหมวดไม่ร้ายแรง ซึ่งในมาตรฐานจริยธรรมหมวด 1.ที่ว่าด้วยเรื่อง มาตรฐานทางจริยธรรมอันเป็นอุดมการณ์ ในข้อ 7.ระบุถึงเรื่องต้องถือบทผลประโยชน์ของประเทศเหนือประโยชน์ส่วนตน
ข้อ 8.ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริตไม่แสวงหาผลประโยชน์มิชอบเพื่อตนเองหรือผู้อื่น หรือรู้เห็น ยินยอมให้ผู้อื่นใช้ตำแหน่งหน้าที่ของตนแสวงหาผลประโยชน์มิชอบ หรือ ข้อ 9.ต้องไม่ขอเรียกร้บทรัพย์สินหรือประโยชน์ที่กระทบกระเทือนต่อการปฏิบัติหน้าที่และข้อ
และ 10.เรื่องรับของขวัญ ของกำนัลเว้นแต่เป็นการให้โดยเสน่หา โดยธรรมจรรยาตามที่กฎหมายระเบียบบังคับที่ทำได้ ซึ่งในหมวดหมวด 1 ที่ได้กล่าวมานั้นจะถือเป็นเรื่องผิดมาตราฐานจริยธรรมร้ายเเรง หากมีการละเมิด ส่วนหมวดที่ 2 และหมวดที่ 3 จะเป็นเรื่องค่านิยมหลักและจริยธรรมทั่วไป ก็จะต้องดูว่าพฤติกรรมของผู้ฝ่าฝืนเป็นอย่างไร มีเจตนาและความร้ายแรงอย่างไร ถ้าเป็นเสียหายร้ายแรงก็อาจจะเป็นเรื่องผิดจริยธรรมร้ายแรงได้
นายสราวุธ กล่าวต่อว่า ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 235 เรื่องฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอาจมีการร้องเรียน และ ป.ป.ช.จะเป็นผู้ไต่สวน ส่วนผู้ที่จะพิพากษาว่า ผู้ใดฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรงคือศาลฎีกา เเละเมื่อกฎหมายกำหนดให้ศาลฎีกามีอำนาจพิจารณา ดังนั้น สำนักงานศาลยุติธรรมจึงได้เสนอร่างระเบียบที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาว่าด้วยการพิจารณาพิพากษาคดีเกี่ยวกับการกล่าวหาผู้ดำรงตำเเหน่งทางการเมือง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเเละผู้ดำรงตำเเหน่งในองค์กรอิสระฯ ฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายเเรง
"ในร่างระเบียบดังกล่าวมีหัวข้อที่สำคัญหลายเรื่อง เช่น เรื่องการเสนอเรื่อง , การพิจารณา และขั้นตอนในการออกคำสั่งต้องทำยังไงบ้างซึ่งหลายคนก็อาจสงสัยว่า หากศาลฎีกาไต่สวนแล้วผลจะเป็นเช่นไร ตรงนี้รัฐธรรมนูญมาตรา 202(10) ระบุว่า หากเป็นบุคคลที่มีการฝ่าฝืนมาตราฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงก็จะขาดคุณสมบัติและจะต้องพ้นจากตำแหน่ง" นายสราวุธ กล่าว
และว่าในการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมบางครั้งอาจจะเข้าข่ายผิดกฎหมายอาญา ควบคู่ไปด้วยได้ ซึ่งตรงนี้ก็ต้องว่าไปตามกฎหมายมีการดำเนินการเเยกกัน เช่น การปกปิดบัญชีทรัพย์สิน ร่ำรวยผิดปกติ ทั้งนี้ ศาลยุติธรรมต้องขอชื่นชมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า สามารถออกมาตรฐานทางจริยธรรมภายในกรอบที่กำหนด ซึ่งต่อไปก็เป็นหน้าที่ของศาลฎีกา โดยสำนักงานศาลที่จะเสนอระเบียบต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ซึ่งมั่นใจว่าจะดำเนินการได้ทันโดยเราจะส่งเข้าที่ประชุมใหญ่ของศาลฎีกาเร็วที่สุด
เมื่อถามว่า หากศาลฎีกาชี้ขาดเรื่องละเมิดมาตราฐานจริยธรรมจะอุทรณ์ได้หรือไม่ นายสราวุธ กล่าวว่า ไม่สามารถอุทรณ์ได้เนื่องจากมาตรา 235 กำหนดไว้ว่าให้ศาลฎีกาเป็นผู้พิจารณา ซึ่งการพิจารณาชี้ขาดศาลฎีกาก็ต้องมีการตั้งองค์คณะขึ้นมา
เมื่อถามว่า หาก ป.ป.ช.เป็นผู้ฝ่าฝืนทางจริยธรรมเสียเอง ใครจะเป็นผู้ไต่สวนคดีขึ้นสู่ศาลฎีกา นายสราวุธ กล่าวว่า ก็ต้องมีการตั้งผู้ไต่สวนอิสระตามรัฐธรรมนูญขึ้นเพื่อไต่สวน เหมือนกรณีอดีต ป.ป.ช.เคยขึ้นเงินเดือนตัวเองก็มีคณะผู้ไต่สวนอิสระขึ้นมาดำเนินการเพื่อความเป็นธรรม
เมื่อถามต่ออีกว่า การตั้งผู้ไต่สวนอิสระนั้นจะต้องเริ่มเรื่องจากรัฐสภาก่อนในความเป็นจริงจะทำให้การดำเนินการกับ ป.ป.ช.ที่กระทำผิดเป็นไปได้ยากกว่าองค์กรอื่นใช่หรือไม่ นายสราวุธ กล่าวว่า สำหรับตนมองว่าไม่มีอะไรยาก เนื่องจากปัจจุบันสภาพสังคมมีระบบการตรวจสอบที่สูงมากในอดีตที่ผ่านมาก็พิสูจน์เเล้วว่าขึ้นเงินเดือนตัวเองก็ถูกเล่นงานได้
ถามต่อว่า ที่ผ่านมา ป.ป.ช.มีความเห็นทางคดีค้านสายตาประชาชนเราสามารถที่จะดำเนินการร้องเรียนเพื่อขอตั้งผู้ไต่สวนอิสระเกี่ยวกับความเห็นทางคดีของ ป.ป.ช.ได้หรือไม่ นายสราวุธ กล่าวว่า การร้องเรียนต้องมีหลักฐานปรากฎว่าสิ่งที่ ป.ป.ช.ดำเนินการนั้นฝ่าฝืนกฎหมาย ไม่สุจริต จึงจะสามารถดำเนินการได้
"เเต่การที่มีมาตรฐานจริยธรรมก็สามารถดูได้ว่า มีการฝ่าฝืนเงื่อนไขข้อไหนก็อาจจะเข้าเงื่อนไขตรงนั้นได้ และรวดเร็วกว่าคดีอาญา ซึ่งหาก ป.ป.ช.ถูกดำเนินการเรื่องมาตรฐานจริยธรรมก็จะมีคณะผู้ไต่สวนอิสระซึ่งประธานศาลฎีกาเป็นผู้เเต่งตั้งขึ้นเพื่อไต่สวนหาข้อเท็จจริง และทำความเห็นนำเรื่องขึ้นสู่ศาลฎีกา ซึ่งต่างจากในส่วนคดีอาญาที่จะต้องมีการเสนอผ่านรัฐสภาก่อน" นายสราวุธ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี