วิภาวดี-รัชดา-ลาดพร้าว
เสี่ยงไฟตก
กฟผ.รับโอกาสรอดยาก
แจงปริมาณสำรองหมิ่นเหม่
เพิ่มกำลังผลิต-นำเข้าจากลาว
‘ปู’ดราม่าประหยัดพลังงาน
โหนตุ๊กตุ๊กเข้าทำงานที่ทำเนียบ
เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย เปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อมรับมือวิกฤติพลังงาน ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากการปิดซ่อมแซมแหล่งก๊าซพลังงานของพม่าในระหว่างวันที่ 5-14 เมษายนว่า เบื้องต้นได้พูดคุยกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงมหาดไทย ถึงการเตรียมแผนรับมือต่อสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นแล้วโดย กฟผ. แจ้งว่า ได้เตรียมแผนการผลิตพลังงานไฟฟ้าเพิ่มเติมจากประเทศลาวเข้ามาเสริม รวมทั้งเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้า
ในประเทศ ทั้งในส่วนของไฟฟ้าพลังงานน้ำ พลังงานถ่านหิน และพลังงานจากน้ำมันเตา โดยจะมีการซ่อมแซมเครื่องมือต่างๆ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตในห้วงเวลาดังกล่าวให้มากที่สุด ดังนั้นเชื่อว่าจะมีพลังงานไฟฟ้าเพียงพอใกล้เคียงกับความต้องการใช้แน่นอน โดยหน่วยงานต่างๆ จะมีการประชุมซักซ้อมความเข้าใจและวางแผนร่วมกันอย่างละเอียดอีกครั้ง
รบ.โวไม่ต้องให้หยุดงานเพิ่ม
ด้าน นพ.ทศพร เสรีรักษ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลคงไม่ประกาศภาวะฉุกเฉินด้านพลังงานและจะไม่มีการประกาศให้มีวันหยุดเพิ่มเติม เพื่อลดการใช้ไฟฟ้า เนื่องจากในช่วงเดือนเมษายนมีวันหยุดราชการหลายวัน เช่น วันที่ 8 เมษายน ซึ่งเป็นวันหยุดชดเชยวันจักรี และจากนั้นตั้งแต่วันที่ 12 เมษายน ก็จะเข้าสู่เทศกาลสงกรานต์อยู่แล้ว
ฟุ้งไม่ถึงขั้นวิกฤติไม่ต้องห่วง
“นอกจากนี้ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.พลังงาน ได้เจรจาให้ผู้ดำเนินการแหล่งก๊าซยานาดา ให้เลื่อนซ่อมบำรุงแท่นขุดเจาะน้ำมันในพม่าไปเป็นระหว่างวันที่ 11-12 เมษายน เนื่องจากเป็นช่วงที่ประเทศไทยมีการใช้ไฟฟ้าน้อย ขณะเดียวกันก็ยังมีการนำพลังงานจากอ่าวไทยมาใช้ รวมถึงใช้ไฟฟ้าจากประเทศลาว ทำให้สถานการณ์ในช่วงนั้นจะไม่มีวิกฤติ
กฟผ.แจงปริมาณสำรองหมิ่นเหม่
อย่างไรก็ตาม นายสุทัศน์ ปัทมสิริวัฒน์ ผู้ว่าการ กฟผ. เปิดเผยว่า ความต้องการใช้ไฟในช่วงเดือนเมษายน คาดว่า น่าจะอยู่ที่ประมาณ 26,300 เมกะวัตต์ ซึ่งถือว่ายังไม่สูงมากนัก โดย กฟผ. ได้สำรองไฟฟ้าไว้ 27,000 เมกะวัตต์ แต่หากเกินจากนี้ คาดว่าสำรองไฟฟ้าไม่พออย่างแน่นอน ฉะนั้นทุกฝ่ายจึงต้องให้ความร่วมมือในการประหยัดไฟ ซึ่งหากสามารถประหยัดไฟฟ้าได้ประมาณ 500 เมกะวัตต์ ก็เชื่อว่า จะช่วยทำให้สถานการณ์ความเสี่ยงไฟฟ้าที่ไม่เพียงพอ คลี่คลายลงได้
“ลาดพร้าว-วิภาวดี-รัชดา”ไฟตกแน่
ขณะที่ นายธนา พุฒรังษี รองผู้ว่าการ กฟผ. เปิดเผยว่า แม้จะมีการสำรองการผลิตไฟฟ้าจากประเทศลาวและพื้นที่อื่นๆ ในช่วงการปรับปรุงแหล่งก๊าซของพม่า แต่ก็ยังอาจส่งผลต่อระบบส่งไฟฟ้าที่ป้อนเข้าสู่กทม.และปริมณฑลที่ใช้ไฟฟ้ารวม 8,000 เมกะวัตต์ เนื่องจากต้องไปดึงไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าที่ห่างไกลมากขึ้น ซึ่งจะทำให้เกิดความสูญเสียของระบบสายส่ง โดยสถานีไฟฟ้าแรงสูงลาดพร้าว รวมไปถึง ถ.วิภาวดีรังสิต สถานีไฟฟ้ารัชดา สถานีไฟฟ้าบางกะปิ จะมีความเสี่ยงเรื่องการเกิดไฟฟ้าไม่เสถียร หรือ ไฟหรี่ ไฟตก เพราะแรงดันไฟฟ้าจะต่ำ แต่ไม่ถึงขั้นไฟดับ เพราะ กฟผ. และ กฟน. ได้ร่วมกันย้ายสลับวงจรไฟฟ้าในการให้บริการ จึงมีไฟฟ้าเพียงพอ
ยอมรับความเสี่ยงไฟดับมีมาก
นายธนา ยอมรับด้วยว่า การหยุดจ่ายก๊าซของพม่ารอบนี้ มีความเสี่ยงต่อการเกิดไฟฟ้าดับมาก เนื่องจากแท่นขุดเจาะยาดานาของพม่าเกิดการทรุดตัวมาก ทำให้ต้องรีบซ่อมแซม ส่งผลให้การเจรจาเพื่อขอให้ยืดเวลาการซ่อมแซมออกไปนานมากไม่ได้ โดยไทยอยากให้เป็นช่วงที่ตรงกับเทศกาลสงกรานต์ แต่ทำได้มากที่สุด คือ เลื่อนมาเป็นระหว่างวันที่ 5-14 เมษายน ซึ่งยังเป็นช่วงที่มีการใช้ไฟฟ้าสูงอยู่ โดยเฉพาะในวันที่ 5 เมษายน ที่คาดว่า จะมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดหรือพีค โดยเพิ่มขึ้นถึงระดับ 26,300 เมกะวัตต์ จึงทำให้สำรองพร้อมใช้ที่แท้จริงเหลือ 760 เมกะวัตต์ เท่านั้น
สำรองน้ำมันเตาผลิตไฟฟ้า
“นอกจากนี้ กฟผ. และ ปตท. ยังร่วมกันประเมินความเสี่ยงในกรณีที่แหล่งยาดานาซ่อมฐานขุดเจาะไม่เสร็จภายในวันที่ 14 เมษายน โดยประเมินเอาไว้ว่าเลวร้ายที่สุด จะซ่อมเสร็จ 21 เมษายน จึงได้เตรียมพร้อมในการสำรองน้ำมันเตาเพื่อผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจากเดิม 86 ล้านลิตรเป็น 150 ล้านลิตร และดีเซลจาก 47 ล้านลิตรเป็น 80 ล้านลิตร เอาไว้ใช้ในกรณีดังกล่าว” นายธนา กล่าว
“ปู”ติดดราม่านั่งตุ๊กๆเข้าทำเนียบ
ด้านความเคลื่อนไหวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.00 น. วันเดียวกัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เดินทางไปเป็นประธานพิธีเปิดงาน “เมืองสวย น้ำใส ไร้มลพิษ เพียงกินอยู่ รู้คิดเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” ซึ่งจัดโดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า โดยหลังเสร็จพิธี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้นั่งรถตุ๊กๆกลับไปยังทำเนียบรัฐบาล ซึ่งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน โดยมีทีมรักษาความปลอดภัยและข้าราชการคอยวิ่งตามประกบอย่างใกล้ชิด
ฟุ้งอยากช่วยประหยัดพลังงาน
ทั้งนี้ภายหลังจากถึงทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ลงจากรถตุ๊กๆลงมาพูดคุยหยอกล้อกับผู้สื่อข่าวว่า การนั่งตุ๊กๆถือเป็นการประหยัดพลังงาน และสมัยที่เข้ามาเรียนใน กทม. ก็เคยนั่งรถตุ๊กๆ เป็นประจำ แต่เป็นระยะใกล้ๆ ส่วนที่เชียงใหม่ก็นั่งรถสามล้อเป็นประจำ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวอีกว่า ยังคงจะต้องเดินหน้าเรื่องการรณรงค์ประหยัดพลังงานและรณรงค์ถอดสูททำงานต่อไป นอกจากนี้กำลังให้มีการพิจารณานำเอาผ้าไทยกลับมาใช้ แทนการใส่สูทมาทำงาน ซึ่งเห็นว่าเป็นเรื่องดี เพราะเหมาะสมกับอากาศในบ้านเรา ซึ่งจะรณรงค์ให้คณะรัฐมนตรีและข้าราชการกลับมาใช้ผ้าไทยกันด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี