บิ๊กตู่ลั่นต้องเป็นธรรม-ทั่วถึง
ฉีดวัคซีนตามแผน
ประเดิมคนแรกกุมภาพันธ์นี้
เตือนปชช.ยังต้องตั้งการ์ดสูง
‘กทม.’คง5จุดตรวจเข้า-ออก
ดอนเมืองใส่แมสต่ำกว่า90%
ติดเชื้อรายวันเพิ่มอีก829คน
โจรใต้ป่วน‘นราธิวาส’
นายกฯกำชับยึดหลักกระจายวัคซีนโควิด-19 ให้เป็นธรรม-ได้มาตรฐานสากล วอนปชช.ตั้งการ์ดสูงต่อเนื่องย้ำเปิดแผนแบ่งกลุ่มฉีด 3 ระยะให้ทั่วถึง ด้าน ศบค.แถลงผลตรวจหาผู้ติดเชื้อพบใหม่ 829 ราย ยอดติดเชื้อสะสม 18,782 คน เสียชีวิตคงที่ สะสม 77 คน ขณะที่ อว.เผยผลประเมินพบเขตดอนเมือง มีผู้สวมหน้ากากอนามัยน้อยกว่า 90%
เมื่อวันที่ 31 มกราคม นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงนโยบายการฉีดวัคซีนของรัฐบาลตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกระโหม มอบแนวทางการบริหารวัคซีนโควิด-19ไว้ กระจายเป็นธรรม-ย้ำการ์ดสูง
โดยนายกฯกำชับให้ยึดหลักกระจายวัคซีนเป็นธรรมและเป็นไปตามมาตรฐานสากล โดยคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติจะบริหารแผนการฉีดวัคซีน และกระทรวงสาธารณสุขจะติดตามประเมินผลการฉีดวัคซีนอย่างใกล้ชิด คาดว่าจะเริ่มฉีดวัคซีนให้ประชาชนคนไทยคนแรกได้ภายในเดือนกุมภาพันธุ์นี้ นายกรัฐมนตรียังวอนให้คนไทย “ตั้งการ์ดสูง” และยังต้องใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวัง ด้วยการสวมหน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่าง ไม่ไปในสถานที่เสี่ยงและสถานที่แออัด
กางแผนแบ่งกลุ่มฉีด3ระยะ
นายอนุชากล่าวต่อว่า ในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ครั้งที่ 2/2564 ได้มีการรายงานลำดับกลุ่มเป้าหมายการให้วัคซีนโควิด-19 ในประเทศไทยแบ่งเป็น 3 ระยะคือ ระยะที่ 1 ช่วงที่วัคซีนมีปริมาณจำกัด ดำเนินการในพื้นที่ที่มีการระบาด เพื่อลดการป่วยรุนแรงและเสียชีวิต รักษาระบบสาธารณสุขของประเทศ จะฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า ผู้มีโรคประจำตัว 6 โรคกำหนดคือ โรคทางเดินหายใจเรื้อรังรุนแรง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตวายเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง มะเร็ง เบาหวานและโรคอ้วน ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรคโควิด 19 ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย
ระยะที่ 2 ช่วงที่มีวัคซีนเพิ่มขึ้น ขยายพื้นที่ครอบคลุมทั้งประเทศ เพื่อรักษาเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศ โดยกำหนดฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่นอกเหนือจากด่านหน้า เจ้าหน้าที่ที่มีโอกาสสัมผัสซื้อโควิด 19 ผู้ประกอบอาชีพที่มีโอกาสสัมผัสกับคนจำนวนมาก และผู้เกี่ยวข้องกับการเดินทางระหว่างประเทศ และระยะที่ 3 ช่วงที่วัคซีนมีปริมาณเพียงพอ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันในระดับประชากร จะฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ประชาชนทั่วไป เพื่อฟื้นฟูให้ประเทศกลับเข้าสู่ภาวะปกติ นายกฯได้มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการแผนปฏิบัติงานในทุกมิติโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องแผนปฏิบัติการฉีดวัคซีนให้ประชาชนแต่ละกลุ่มในรายละเอียด รวมทั้งการขนย้าย การขนส่งและการจัดเก็บวัคซีนเพื่อรักษาประสิทธิภาพวัคซีน ขณะเดียวกันได้มอบให้หน่วยงานต่างๆ เร่งประชาสัมพันธ์ สื่อสารข้อมูลที่ถูกต้องให้กับประชาชนในพื้นที่ด้วย
วิจัยในปท.ก้าวหน้าที่สุด3ชนิด
ทั้งนี้ รัฐบาลได้สนับสนุนงบประมาณการวิจัยพัฒนาวัคซีนโควิด 19 ภายในประเทศ โดยกลุ่มที่ก้าวหน้ามากที่สุดมี 3 ชนิด คือ ชนิด mRNA โดยศูนย์วิจัยวัคซีนแห่งจุฬาลงกรณ์ ชนิด Protein subunit (Plant-based) ของบริษัทใบยา ไฟโตฟาร์ม ร่วมกับคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และชนิด DNA โดยบริษัท ไบโอเนท เอเชีย อยู่ระหว่างการแสวงหาความร่วมมือ หรือพัฒนาศักยภาพการขยายขนาดการผลิต เพื่อผลิตวัคซีนต้นแบบสำหรับทดสอบในอาสาสมัคร
ติดเชื้อใหม่829-สมุทรสาคร722
ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค. แถลงสถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด – 19 ในรอบ 24 ชั่วโมงของไทยว่า มีผู้ติดเชื้อใหม่ 829 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 822 ราย โดยมาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 91 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุก 731 ราย ในจำนวนนี้มาจากการค้นหาเชิงรุกในจ.สมุทรสาคร 722 ราย มหาสารคาม 4 ราย กทม. 1 ราย ชลบุรี 1 ราย ปทุมธานี 1 ราย ระยอง 1 รายและสมุทรสงคราม 1 ราย นอกจากนี้ เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 7 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 18,782 ราย หายป่วยสะสม 11,615 ราย อยู่ระหว่างรักษา 7,090 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ยอดสะสมคงที่ 77 ราย ขณะที่สถานการณ์โลก มีผู้ติดเชื้อสะสม 103,132,381 ราย เสียชีวิตสะสม 2,229,405 ราย
สัปดาห์สุดท้ายมค.ติดเชื้อ12จว.
พญ.พรรณประภากล่าวต่อว่า หากดูจากแผนที่ประเทศไทย จะพบว่าสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมกราคม มีจังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อเหลือเพียง 12 จังหวัด แตกต่างจากสัปดาห์ที่หนึ่งและสัปดาห์ที่สี่ของเดือนมกราคมที่มีจังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อถึง 63 จังหวัด อย่างไรก็ตาม สำหรับจ.สมุทรสาครจะยังทำการค้นหาเชิงรุกต่อเนื่อง โดยเป็นความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐกับเอกชน โดยจะค้นหาเชิงรุกให้ได้มากที่สุดและจะมีการปรับมาตรการของแต่ละพื้นที่ในจังหวัดให้เหมาะสมกับการแพร่ระบาด เพราะการระบาดในแต่ละอำเภอมีความแตกต่างกัน
เผยดอนเมืองใส่แมสน้อยที่สุด
“ศปก.ศบค.ได้รับรายงานเรื่องการวิจัยของสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิจัยและนวัตกรรม ที่ได้นำระบบปัญญาประดิษฐ์ในการประเมินการใส่หน้ากากอนามัย หรือ ระบบ AIMASK โดยใช้กล้องซีซีทีวีตามเขตพื้นที่ต่างๆ ทำการวิเคราะห์การใส่หน้ากากอนามัยของประชาชน โดยทำใน 15 เขตของกทม.ก่อน โดยพบว่าช่วงระหว่างวันที่ 21-27 มกราคม ภาพรวมของกทม. ใส่หน้ากากถูกต้อง 97.53% ใส่ไม่ถูกต้อง 1.42% และไม่ใส่หน้ากาก1.05% แต่พบว่าที่เขตดอนเมือง ใส่หน้ากากน้อยกว่า 90% นอกจากนี้ ยังพบอีกว่า ประชาชนมีแนวโน้มใส่หน้ากากไม่ถูกต้องและใส่หน้ากากน้อยลงในช่วงเย็นและกลุ่มที่ใส่หน้ากากไม่ถูกต้องมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วงเสาร์-อาทิตย์” พญ.พรรณประภากล่าว
คง5จุดตรวจคัดกรองเข้ากทม.
ด้านนางศิลปสวย ระวีแสงสูรย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ภาพรวมของกทม.ในการควบคุมการแพร่ระบาดและสามารถติดตามควบคุมการระบาดได้ระดับที่น่าพอใจ กรุงเทพมหานครจึงเห็นควรยกเลิกการตั้งด่านตรวจคัดกรองการเดินทางเข้ากรุงเทพฯตั้งแต่วันที่ 29 มกราคม อย่างไรก็ดีเพื่อเป็นการกระตุ้นเตือนให้สังคมส่วนรวมตระหนักถึงความสำคัญของการเคลื่อนย้ายประชาชนที่อาจเป็นสาเหตุของการระบาดโควิด-19 รวมทั้งกระตุ้นเตือนให้ประชาชนระวังตนเอง การ์ดไม่ตก จึงให้คงตั้งจุดตรวจคัดกรองการเดินทางเข้า-ออกกรุงเทพฯ ต่อไปอีก 5 จุด โดยประสานกองบัญชาการตำรวจนครบาล กอ.รมน.กทม. อปพร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมปฏิบัติภารกิจและสำนักงานเขตต่างๆ หมุนเวียนสับเปลี่ยนปฏิบัติงานประจำจุดตรวจ ดังนี้ 1.จุดถนนบรมราชชนนีบริเวณจุดตัด ถ.พุทธมณฑลสาย 3 ตัด ถ.บรมราชชนนี เขตทวีวัฒนา 2.จุดถนนเพชรเกษมบริเวณหน้ามหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ เขตหนองแขม 3.จุดถนนพระราม 2 เขตบางขุนเทียน 4.จุดถนนเอกชัยบางบอนบริเวณหน้าโรงเรียนศึกษานารี เขตบางบอน และ 5.จุดถนนบางนา-ตราด หน้าครัวเจ๊ง้อ เขตบางนา ทั้งนี้ ให้เริ่มปฏิบัติภารกิจตั้งแต่ วันที่ 31 มกราคม เวลา 08:00 น. เป็นต้นไป
กทม.ติดเพิ่ม7ราย-สะสม756ราย
วันเดียวกัน ศบค.รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) พบรายใหม่ 7ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศจากการไปพื้นที่เสี่ยง มีอาชีพเสี่ยง หรือสัมผัสกับผู้ติดเชื้อก่อนหน้านี้ 6 ราย ประกอบด้วย ชาย 3 ราย อายุ 2 เดือน-34 ปี หญิง 3 ราย อายุ 30-59 ปี เป็นสัญชาติไทย 2 ราย สัญชาติเมียนมา 4 ราย ไม่มีอาการ 5 ราย และมีอาการ 1 ราย รักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชนใน กทม. 3 ราย และโรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน 3 ราย นอกจากนี้ ยังเป็นการคัดกรองเชิงรุกในชุมชนอีก 1 ราย เป็นเพศหญิง อายุ 25 ปี สัญชาติเมียนมา รักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชน ทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสม (18 ธ.ค. 2563 – 31 ม.ค. 2564) รวมแล้วอยู่ที่ 756 ราย เป็นอับดับ 2 รองจากจ.สมุทรสาคร
ระยองคลายล็อคเปิดรร.ข้ามจว.ได้
ที่ศาลากลางจังหวัดระยอง ต.เนินพระ อ.เมือง จ.ระยอง ว่าที่ ร.ต.พิรุณ เหมะรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง นพ.สุนทร เหรียญภูมิการกิจ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดระยอง แถลงสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือโควิด-19 ของจังหวัดระยอง โดยว่าที่ ร.ต.พิรุณกล่าวว่า วันนี้พบผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้น 1 ราย รวมยอดผู้ติดเชื้อสะสม 580 คน เสียชีวิต 1 ราย รักษาหายแล้ว 562 คน เหลือผู้ติดเชื้อที่ยังรักษาตัวอยู่ 17 คน มีการค้นหาเชิงรุก 30,701 คน เหลือผู้กักตัวในสถานที่เฝ้าระวัง 186 ราย และ จากการประชุมระดับจังหวัดจะเปิดสถานศึกษาวันที่ 1 กุมภาพันธ์ และการเดินทางข้ามจังหวัดไม่ต้องขออนุญาตการเดินทาง
ผับบาร์มหรสพอาบอบนวดยังปิด
ว่าที่ ร.ต.พิรุณกล่าวต่อว่า ส่วนสถานประกอบการที่ยังไม่อนุญาตให้เปิดบริการ ประกอบด้วย ผับบาร์ อาบอบนวด สนามชนไก่ โรงมหรสพทุกประเภท ร้านเกมส์ สนามมวย สระว่ายน้ำสาธารณะ สวนน้ำ ฟิตเนส ร้านสักลาย บ่อตกปลา และบ่อตกกุ้ง โดยจะประเมินตามสถานการณ์แต่ละวัน ก็เห็นใจผู้ประกอบการแต่ขอให้อดทน คาดว่าคงจะมีการอนุญาตในเร็วๆ นี้
เร่งสอบไทม์ไลน์หนุ่มแมสเซนเจอร์
นพ.สุนทร เหรียญภูมิการกิจ สสจ.ระยองกล่าวว่า สำหรับผู้ป่วยรายล่าสุด เป็นเพศชาย อายุ 35 ปี อาศัยอยู่ในต.มาบตาพุด อ.เมืองระยอง เป็นพนักงานส่งเอกสาในโรงงาน ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าติดเชื้อมาจากที่ไหน เบื้องต้นได้เร่งสอบสวนโรคภรรยา และบุตร รวม 2 คน พร้อมเพื่อนสนิท 2 คน กลุ่มเสี่ยงสูงสัมผัสใกล้ชิด นอกจากนี้ ยังมีเพื่อนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงน้อยอีก 22 คน เข้ามาตรวจหาเชื้อเบื้องต้นไม่พบ จึงกักตัวรอดูอาการอีก 14 วัน สำหรับสถานการณ์ในจังหวัดระยองขณะนี้ถือว่ายังทรงตัว แต่ไม่ควรประมาท ขอความร่วมมือให้ชาวระยองทุกคน ป้องกันตัวเองตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด
ขอนแก่นติดรายที่11จนท.เสี่ยง14
น.พ.สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น แถลงข่าวสถานการณ์ติดเชื้อประจำวันว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ของจังหวัด เป็นรายที่ 11 เป็น ชาย อายุ 57 ปี ชาวจ.มหาสารคาม ขณะนี้เข้ารับการรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยขับรถยนต์ส่วนตัวมาพร้อมกับภรรยา เพื่อเข้าตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ของจ.ขอนแก่นเมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยมีอาการวิงเวียน มีไข้ แพทย์ตรวจคัดกรองพบว่าปอดติดเชื้อ จึงได้ประสานโรงพยาบาลศรีนครินทร์ เพื่อส่งตัวผู้ป่วยเข้ารับการรักษาต่อพร้อมกับใช้ท่อช่วยหายใจและเครื่องช่วยหายใจเนื่องจากปอดมีอาการลุกลามจากปอดด้านขาวไปซ้าย ขณะนี้อาการดีขึ้นส่วนบุคลากรของโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งรับตัวผู้ป่วยเข้ารักษาในโรงพยาบาลนั้น มีบุคลากรเสี่ยงต่ำ 6 คน ขณะนี้เข้าสู่กระบวนการสังเกตตัวเองและรายงานต่อทีมงานทุกวัน ขณะเดียวกันยังมีบุคลากรเสี่ยงสูง 8 คน ซึ่งโรงพยาบาลสั่งกักตัว 14 วัน
สมุทรสาครเจอ801สะสมกว่าหมื่น
ส่วนสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่แพร่กระจายในจ.สมุทรสาคร โดยยอดล่าสุดจนถึงเวลา 24.00 น.ของวันที่ 30 มกราคม จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาครพบผู้ป่วยใหม่ 801 ราย จำแนกเป็นจากการค้นหาเชิงรุก 722 ราย เป็นคนไทย 42 ราย แรงงานต่างด้าว 680 ราย ที่เหลือเป็นผู้ป่วยจากการตรวจในโรงพยาบาล 79 ราย เป็นคนไทย 34 ราย แรงงานต่างด้าว 45 ราย สำหรับผู้ป่วยยืนยันสะสมทั้งหมดมีจำนวน 10,529 ราย ขณะที่ผู้ป่วยที่เข้ารักษาในโรงพยาบาล มีคนไทยที่อยู่ระหว่างรักษาอีก 459 ราย แรงงานต่างด้าว 321 ราย และเฝ้าสังเกตอาการอีก 5,708 ราย และในส่วนที่รักษาหายแล้วกลับบ้านได้เป็นคนไทยรวม 1,101 ราย และต่างด้าว 365 ราย ด้านผู้ที่ถูกกักตัวเพื่อเฝ้าสังเกตอาการจนครบตามระยะเวลาที่กำหนดแล้วไม่พบเชื้อสามารถให้กลับบ้านได้รวม 2,571 ราย เป็นคนไทย 182 ราย และคนต่างด้าวรวม 2,389 ราย นอกจากนี้ มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 รายเป็นแรงงานต่างด้าว รวมยอดผู้เสียชีวิตสะสม 4 ราย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี