เมื่อวันที่ 27 เมษษยน 2564 นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.เขต 2 จ.นครศรีธรรมราช และรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่ นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ที่ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ถนัดแต่เรื่องการใช้อำนาจพิเศษ จาก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และการจัดตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 (ศบค.) ที่ภาคการเมืองไม่มีส่วนร่วม ว่า เรื่องการจัดตั้ง ศบค.หากจำแนกอย่างละเอียดจะเห็นว่า นายกฯ ได้กระจายอำนาจในการบริหารสถานการณ์ให้กับทุกฝ่าย

ทั้งนี้ ศบค.ไม่ได้มีเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่เป็นผู้อำนวยการเท่านั้น แต่ยังมีปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ปลัดกระทรวงต่างประเทศ และผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติเป็นหัวหน้าศูนย์ด้วย ซึ่งเป็นการทำงานแบบบูรณาการร่วมกันในส่วนต่างๆ

"ตามที่นายศุภชัย กล่าวว่า เมื่อมี สมช.เป็นผู้กำหนดทิศทางแทน สธ.แล้ว ทำให้มองว่าโรคระบาดเป็นภัยความมั่นคงของประเทศนั้น ตนถือว่าการระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นภัยความมั่นคงต่อประเทศเราจริง โดยหากมองจากการแพร่ระบาดทั้งในประเทศและทั่วโลก จะเห็นทั้งยอดผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตอยู่ในระดับที่น่าตกใจ ไม่อาจเปรียบเทียบกับไข้หวัดนก ไข้หวัด 2009 อย่างที่นายศุภชัยคิด เพราะโควิดได้กระทบต่อการใช้ชีวิตของประชาชน ทั้งด้านสังคม ครอบครัว เศรษฐกิจ เกือบทุกด้าน นี่คือภัยคุกคาม ที่รัฐบาลจะต้องประสานหน่วยงานต่างๆเข้าร่วมช่วยเหลือไม่ใช่เฉพาะกระทรวงสาธารณสุข" นายสัณหพจน์ กล่าว

ขณะเดียวกัน นอกจากหน่วยงานที่ตนกล่าวมาแล้ว จะเห็นว่านายกฯ ยังได้แต่งตั้งที่ปรึกษา ศบค.ในด้านต่างๆ ทั้งด้านธุรกิจเอกชน ด้านกฎหมาย ด้านเศรษฐกิจและสังคม สาธารณสุข ด้านการผ่อนคลายและบังคับใช้มาตรการควบคุมป้องกัน ด้านมาตรการดูแลและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ รวมทั้งด้านการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ที่ครบถ้วนในทุกมิติ

อย่างไรก็ตาม ภาคการเมือง ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาล หรือพรรคฝ่ายค้านนั้น จะมีส่วนร่วมช่วยเหลือในการควบคุมและป้องกันการระบาดของโควิด-19 ได้ ด้วยการดูแลพี่น้องประชาชนในพื้นที่ และร่วมบูรณาการทำงานกับหน่วยงานที่รับผิดชอบ ไม่ใช่เป็นผลงานของพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่วันนี้เราต้องร่วมมือกันทุกภาคส่วน