สื่อเกาหลีใต้แฉซ้ำ
หนี้สินท่วม
บี้สอบ ‘เค วอเตอร์’
งานแย่ไร้ประสิทธิภาพ
เคยทำโครงการเจ๊งยับ
นิวัฒน์ธำรงโต้ดีจริง
เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวถึงกรณีที่ นายยัม ฮชองฮอล ผู้อำนวยการสมาพันธ์สิ่งแวดล้อมเกาหลีใต้ ระบุว่าบริษัทโคเรีย วอเตอร์ รีซอสเซสคอร์ปอเรชั่น (เค วอเตอร์) ที่ชนะการประมูลทำโครงการก่อสร้างฟลัดเวย์ และพื้นที่แก้มลิงมูลค่า 1.6 แสนล้านบาท ว่ามีฐานะการเงินย่ำแย่และมีหนี้สินสูงกว่า 700% ว่า ไม่มีศักยภาพที่จะทำโครงการใหญ่ได้ รวมทั้งยังไม่เคยมีประสบการณ์สร้างโครงการบริหารพื้นที่ขนาดใหญ่ที่ได้งานในประเทศไทย จึงขอเรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างจริงจัง แต่ไม่ควรให้นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกฯ มาตรวจสอบ เพราะเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
นายองอาจ ยังกล่าวถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้ตรวจสอบย้อนหลังโครงการไทยเข้มแข็งที่ดำเนินการโดยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ว่า เป็นเพียงการแก้เกี้ยวของรัฐบาล หลังจากที่ถูกกล่าวหาว่ามีการทุจริตในโครงการประชานิยมต่างๆ ทั้งโครงการจำนำข้าว โครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท โครงการใน พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท แต่อย่างไรก็ตาม พรรคประชาธิปัตย์ยินดีให้ตรวจสอบ เพราะเชื่อว่าดำเนินการอย่างโปร่งใสเพื่อประโยชน์ประชาชนอย่างแท้จริง
วันเดียวกัน ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย โครงการสื่อสุขภาวะชุมชนชายขอบ และชมรมนักข่าวสิ่งแวดล้อม จัดเวทีแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการจัดการน้ำ ระหว่างเครือข่ายภาคประชาชนไทยและเครือข่ายสิ่งแวดล้อมประเทศเกาหลีใต้ โดยมีนายหาญณรงค์ เยาวเลิศ ประธานมูลนิธิการจัดการน้ำแบบบูรณนาการ นายกมล เปี่ยมสมบูรณ์ ประธานสภาเครือข่ายลุ่มน้ำท่าจีน ตัวแทนจากประเทศไทย และนายยัม ฮคองเชิล ผู้อำนวยการสหพันธ์สิ่งแวดล้อมเกาหลีใต้ (Korean Federation Environmental Movement : KFEM ) เข้าร่วม
นายหาญณรงค์ กล่าวว่า โครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านของรัฐบาลนั้น มีการดำเนินการที่ไม่เห็นความสำคัญของการมีส่วนร่วมของประชาชน สะท้อนชัดว่ารัฐบาลมีการให้ข้อมูลที่บิดเบือน ไม่แสดงข้อมูลเท็จจริงที่โปร่งใส ที่น่ากังวลมากที่สุด คือ รูปแบบการพัฒนาเส้นทางต่างๆ ในงบ 3.5 แสนล้านบาทนั้น คนยังสงสัยว่าเป็นโครงการขุดลอกคลองชลประทานหรือเป็นการแก้ปัญหาน้ำท่วม ซึ่งจุดนี้เป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องเร่งแก้ไข หรือแม้กระทั่งการขุดลอกบึงบอระเพ็ด จ.นครสวรรค์ ก็เป็นการแสดงออกซึ่งความไร้แผนงานในการพัฒนา
ด้าน นายยัม กล่าวว่า รู้สึกกังวลอย่างมาก หลังจากทราบว่า บริษัท เค วอเตอร์ ชนะการประมูลแผนพัฒนาการทรัพยากรน้ำ ใน 2 แผน ของประเทศไทยงบประมาณ 1.5 แสนล้านบาท เพราะเค วอเตอร์ มีประวัติที่ไม่ดีนัก เดิมเป็นรัฐวิสาหกิจที่ดำเนินการในการพัฒนาระบบน้ำ แต่ต่อมาไปรับงานก่อสร้างอื่นๆ ซึ่งไม่ใช่งานหลัก นอกจากนี้ยังพบว่า ในปี 2555 เค วอเตอร์ มีสินทรัพย์ทั้งหมดอยู่ที่ 676,000 ล้านบาท มีเงินลงทุน 304,000 ล้านบาท และหนี้สินประมาณ 372,000 ล้านบาท ส่วนภาษีเงินได้ของบริษัทฯ อยู่ที่ 99,000 ล้านบาท
นายยัม กล่าวต่อว่า ระยะเวลา 3 ปี จากปี 2551-2554 ที่เค วอเตอร์ ดำเนินโครงการสร้างเขื่อนใน 4 แม่น้ำ และคลองกังงิน รวมระยะทางทั้งหมด 600 กิโลเมตร โดยใช้งบประมาณสูงถึง 5,945,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทนี้ระบุว่าเป็นการสร้างฟลัดเวย์ รวมถึงแก้ปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้งของเกาหลีใต้ แต่การก่อสร้างดังกล่าวได้ก่อหนี้สินสูงขึ้นถึง 758 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่าเป็นโครงการที่ประสบความล้มเหลวของเควอเตอร์มากที่สุด แต่ถูกต่อต้านอย่างหนักจากชาวเกาหลีใต้
ด้าน นายกมล เปี่ยมสมบูรณ์ ประธานสภาเครือข่ายลุ่มน้ำท่าจีน กล่าวว่า จากสถานะการเงินที่แย่ลงของเค วอเตอร์นั้น สะท้อนให้เห็นชัดว่า ไม่เหมาะสมแก่การรับดำเนินโครงการ อย่างไรก็ตาม อยากขอให้รัฐบาลเร่งพิจารณาในส่วนของภาคประชาชนมากกว่าว่าต้องการอะไร รวมทั้งรัฐบาลเองต้องเร่งชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีแผนพัฒนาลุ่มน้ำด้วยว่า ดำเนินการเพื่ออะไร
ทางด้าน นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รมต.ประจำสำนักนายกฯ ในฐานะรองประธานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) กล่าวว่า บริษัทเค.วอเตอร์ ได้แสดงหลักฐานครบถ้วนทุกอย่าง รวมทั้งรัฐบาลเกาหลีใต้ก็รับประกันมา และยังเป็นบริษัทรัฐวิสาหกิจแห่งเดียวที่ทำเรื่องน้ำของเกาหลีใต้
สำหรับการตัดสินของศาลปกครองในวันที่ 27 มิถุนายน นั้น นายนิวัฒน์ธำรง ระบุว่า พร้อมปฏิบัติตามทุกอย่าง ส่วนความเห็นของน.ส.วาสนา มะลิทอง ตุลาการผู้แถลงคดีที่ระบุว่าต้องมีการทำประชาพิจารณ์ก่อนนั้น หากศาลปกครองมีคำสั่งออกมาแบบเดียวกัน เราก็ต้องปฏิบัติตาม แต่ส่วนตัวก็ค่อนข้างมั่นใจในการดำเนินการที่ผ่านมาเช่นกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี