1.ในภาคราชการพลเรือนมีการจ่ายเงินรางวัลประจำปีให้แก่ข้าราชการที่ปฏิบัติงานได้ดีจนได้รับการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือน ก็จะได้รับตามสัดส่วนของเงินรางวัลที่ได้รับจัดสรรบ้าง หรือเงินงบประมาณเหลือจ่ายบ้างเป็นปีๆ ไป
2.ในภาคราชการส่วนท้องถิ่นก็ได้ดำเนินการมาในลักษณะคล้ายคลึงกันโดยเรียกว่า เงินประโยชน์ตอบแทนอื่นสำหรับข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่นเป็นกรณีพิเศษเช่นกัน และได้ดำเนินการมาโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 33(1) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2542 และประกาศของคณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น ลงวันที่ 25 มิ.ย.2544 ตามข้อ 7 กำหนดให้มีการจัดประโยชน์ตอบแทนอื่นแก่พนักงานส่วนท้องถิ่นได้ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่บริหารจัดการการจ่ายเงินเดือน ประโยชน์ตอบแทนอื่นและเงินค่าจ้างได้ต่ำกว่าที่กำหนดในมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่นฯ ก็สามารถจัดประโยชน์ตอบแทนอื่นแก่พนักงานส่วนท้องถิ่นเป็นพิเศษอีกได้
3.บรรดาคณะกรรมการกลางของข้าราชการและพนักงานตลอดจนระดับจังหวัดก็ได้ออกประกาศรองรับให้ดำเนินการและเบิกจ่ายตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการรับเงิน การเบิกจ่ายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงินและการตรวจเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2547 ข้อ 46
4.แต่ปัญหาเกิดขึ้น ตรงที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้เข้าไปตรวจสอบแล้วมีความเห็นโดยสรุปแจ้งกระทรวงมหาดไทยว่า กรณีที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจ่ายเงินประโยชน์ตอบแทนอื่นสำหรับข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่นเป็นกรณีพิเศษ (เงินรางวัลประจำปี) ไม่ปรากฏว่ามีกฎหมายหรือระเบียบใดกำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจ่ายเงินดังกล่าวได้ เพราะว่ามาตรา 33(1) และข้อ 7 และข้อ 17 ของประกาศคณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานส่วนท้องถิ่นฯ เป็นเรื่องเฉพาะการบริหารงานบุคคลเท่านั้น จึงขอให้ทบทวนหากไม่เห็นด้วย ให้หารือคณะกรรมการกฤษฎีกา
5.กระทรวงมหาดไทยจึงได้หารือคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่1) ได้พิจารณาแล้วมีความเห็นโดยสรุปว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแต่ละประเภทกำหนดรายได้และรายจ่ายไว้อย่างชัดเจนภายในกรอบที่กฎหมายจัดตั้งกำหนดเช่น ม.73 ม.74 (อบจ.) ม.66 และ ม.67 (เทศบาล) และ ม.82 ม.84 (อบต.) โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่สามารถกำหนดให้มีรายจ่ายนอกเหนือไปจากที่กฎหมายกำหนด หากมีรายจ่ายใดที่อยู่นอกเหนือจากที่ระบุไว้และกระทรวงมหาดไทยเห็นสมควรให้จ่าย ก็ให้อำนาจกระทรวงมหาดไทยออกระเบียบเพื่อเพิ่มประเภทรายจ่ายได้เป็นรายกรณี เมื่อมีการกำหนดรายจ่ายใดเพิ่มขึ้นแล้ว ผู้มีอำนาจในการสั่งจ่ายจึงจะไปดำเนินการจ่ายหรือกำหนดหลักเกณฑ์การจ่ายได้
6.ขณะเดียวกัน คณะกรรมการกฤษฎีกายังมีความเห็นเพิ่มเติมอีกว่า เมื่อกระทรวงมหาดไทยออกระเบียบดังกล่าวแล้วจะให้มีผลบังคับใช้ย้อนหลังหรือไม่ ย่อมขึ้นอยู่กับความจำเป็นซึ่งกระทรวงมหาดไทยต้องเป็นผู้พิจารณา (ความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่องเสร็จที่ 165/2556 กุมภาพันธ์ 2556)
7.ขณะนี้กระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินการยกร่างระเบียบกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับกรณีนี้แล้ว และอยู่ระหว่างการนำเสนอคณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมายของกระทรวงมหาดไทยพิจารณา คาดว่าคงจะเสร็จสิ้นในเร็ววันครับ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี