16 ต.ค.56 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางนิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม ภรรยาพล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม นายทหารที่เข้าช่วยระงับเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองเมื่อเดือน เม.ย.53 ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ค โดยนำบทสัมภาษณ์พิเศษที่นายสุทธิชัย หยุ่น บรรณาธิการอำนวยการเครือ เนชั่น กับ ศาสตราจารย์สตีเฟ่น ยัง (Prof.Stephen Young) ผู้ค้นพบแหล่งโบราณคดีบ้านเชียงในปี 2509 มาเผยแพร่
บทสัมภาษณ์พิเศษดังกล่าวนั้น ศ.สตีเฟ่น ยัง ระบุถึงความแตกแยกในประเทศไทยว่าเป็นเรื่องเศร้าใจ เนื่องจากเป็นผลพวงมาจากความมักใหญ่ใฝ่สูงแบบระบบจักรพรรดิของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รัฐบาลเอื้อระบบผูกขาดให้แก่พ.ต.ท.ทักษิณ รัฐบาลที่เป็นตัวแทนประชาชน ยกความเป็นบุคคลอภิสิทธิ์ให้กับคุณทักษิณ นี่คือ การปกครองโดยชนชั้นสูง เป็นการปกครองโดยคนรวยที่มีอภิสิทธิ์ ไม่ใช่คนๆ หนึ่งที่เริ่มต้นจากความยากจน และทำมาหากินจนได้ลืมตาอ้าปาก
“คุณทักษิณมีสายสัมพันธ์พิเศษต่างๆ และผมก็เห็นคุณทักษิณใช้สายสัมพันธ์พิเศษนั้นหลายต่อหลายครั้ง แต่ ผมไม่เคยเห็นสังคมไทยที่แตกแยกเท่านี้มาก่อน มีการแบ่งแยกในช่วง รัชกาลที่ 4 และ รัชกาลที่ 5 ก็ไม่รุนแรงขนาดนี้ การแบ่งแยกจากพวกคอมมิวนิสต์ และลัทธิคอมมิวนิสต์ก็ล่มสลายในประเทศไทย เพราะไม่สามารถทำให้คนไทยแตกแยกกันได้ คุณทักษิณทำให้คนไทยแตกแยกกัน และผมว่ามันน่าเศร้า แม้แต่ครอบครัวเพื่อนของผม ก็บ้านแตก พี่น้องบางคนเป็นเสื้อเหลือง บางคนเป็นเสื้อแดง และก็เกิดการแตกคอกันในครอบครัว คนครอบครัวเดียวกันทะเลาะกันเอง ผมจึงคิดว่า ...คำว่า “สบาย” มันหายไปไหน”
"ผมคิดว่า ทักษิณไม่ใช่คนไทย แบบไทย เขามีความคิดอื่นอยู่ในหัว เขาไม่มีคำว่า “เกรงใจ” ทักษิณไม่คิดเรื่องบุญ-บาป เขาคิดแต่ว่า ทำอย่างไรจึงจะมีอำนาจ เขาต้องการเป็นนายใหญ่ เป็นหัวหน้าทุกคน การคิดแบบนี้ของทักษิณ สะท้อนให้เห็นเลยว่า เขาไม่คิดแบบคนไทยที่เป็นพุทธ หากแต่มีความคิดแบบ จักรพรรดิ์ของจีน ดังนั้น ทุกอย่างที่เขาทำ วิธีการบริหารรัฐบาล การโยกย้ายเงินไปทางโน้นที ทางนี้ที มันเหมือนเมื่อสมัย 2,000 ปีที่แล้ว ความคิดแบบนี้เลยครับ ความคิดที่ว่าคือ เหนือโลกมีสวรรค์ ถัดลงมาเป็นคนหนึ่งคน และถัดลงมาคือคนที่เหลือทั้งหมด ทักษิณต้องการคุมบังเหียนรัฐบาล ตำรวจ ทหาร ตุลาการ ภาคธุรกิจ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ นี่คือการทำให้ทุกอย่างอยู่ภายใต้อาณัติของทักษิณ ไม่มีคนไทยคนไหนในประวัติศาสตร์ที่เหิมเกริมทำเช่นนี้
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ไม่เคยทรงพยายามทำแบบนี้ รัชกาลที่ 1 ไม่เคยทรงทำแบบนี้ นี่เป็นสิ่งใหม่และผิดแผกไปจากเดิม นี่จึงเป็นเหตุทำให้คนไทย แตกแยก เป็นสิ่งที่แทรกตัวเข้ามาโดยคุณทักษิณ"
ข้อความที่นางนิชาโพสต์ลงเฟซบุ๊ค https://www.facebook.com/nicha.thuvatham?hc_location=stream
การแตกแยกของชาติไทย
บทสัมภาษณ์พิเศษเมื่อปี๒๕๕๒ ของคุณสุทธิชัย หยุ่น กับ ศาสตราจารย์สตีเฟ่น ยัง (Prof.Stephen Young) ผู้ค้นพบแหล่งโบราณคดีบ้านเชียงในปี ๒๕๐๙ ศ.ยัง เศร้าใจ ที่เห็นการแตกแยกของประเทศไทยอย่างไม่น่าเป็นไปได้ โดยเห็นว่าการแตกแยกนี้เป็นผลพวงมาจาก ความมักใหญ่ใฝ่สูงแบบระบบจักรพรรดิ์ของทักษิณ ชินวัตร(imperial ambition)
บทสัมภาษณ์
สุทธิชัย หยุ่น - ศ. ยังครับ ในฐานะที่คุณได้เฝ้ามองการเมืองไทยโดยใกล้ชิดมาตลอด กลุ่มเสื้อแดง กลุ่มเสื้อเหลือง และแน่นอนคุณก็เป็นส่วนหนึ่งของเมืองไทยเช่นกัน คุณเติบโตที่เมืองไทย เข้าโรงเรียนนานาชาติที่นี่ ถ้ามองจากวงนอก คุณคิดอย่างไรกับประเทศไทย ประเทศไทยยังมีอนาคตอยู่บ้างไหมครับ
ศ. ยัง – เป็นคำถามที่ดีครับ ถ้าคุณมองเมืองไทยจากวงนอก ฝรั่งคงไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นในประเทศไทย ในความคิดของชาวตะวันตกและการรายงานข่าวของทางตะวันตกในเรื่องนี้ ยังผิวเผิน ไม่ลึกซึ้งพอ
สุทธิชัย หยุ่น – แม้แต่ นิวยอร์กไทม์ หรือครับ
ศ.ยัง – ใช่ครับ โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ เดอะวอชิงตันโพสท์ เดอะอีโคโนมิสต์ กล่าวคือ ฝรั่งไม่เข้าใจวิถีความคิดของคนไทย ผมรู้สึกกังวลต่อประเทศไทยในขณะนี้มากกว่าเคย ตอนผมมาที่ประเทศไทยเมื่อปี ๒๕๐๔ คือเมื่อ ๔๘ ปีที่แล้ว (ปีที่สัมภาษณ์ ๒๕๕๒) คุณพ่อของผมเป็นเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทยในขณะนั้น ครอบครัวผมมีความผูกพันที่ดีมากกับประเทศไทย ซึ่งอาจแตกต่างจากฝรั่งคนอื่นๆ ตอนนี้ผมพูดไทยไม่คล่องแล้ว แต่กระนั้น ผมก็รู้สึกว่ามีบางอย่างที่พิเศษเกี่ยวกับประเทศไทยต่อครอบครัวผม มีทั้ง คุณพ่อ คุณแม่ พี่ชาย น้องสาว แม้แต่กับตัวผมเอง พวกเราเป็นห่วงประเทศไทย คุณพ่อผมมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สนิทกับ จอมพลสฤษดิ์ (ธนะรัชต์) ในปี ๒๕๐๔ นั้น ช่องว่างทางชนชั้นยังมีอยู่มาก ระหว่าง ชนชั้นสูงในกรุงเทพ และคนจนในถิ่นธุรกันดาร ซึ่งเป็น ช่องว่างทางชนชั้นจริงๆ ครับ ดังนั้น ในวันนี้ ปี ๒๕๕๒ เมื่อผมได้ยินพวกคนเสื้อแดงพูดถึง ช่องว่างทางชนชั้น ระหว่าง กรุงเทพ กับ ‘บ้านนอก’ (ต่างจังหวัด) ผมว่ามันน่าหัวร่อ จริงครับ ในวันนี้ ช่องว่างนั้นยังคงปรากฏอยู่แต่เมื่อปี ๒๕๐๔ ช่องว่างมันใหญ่กว่าตอนนี้มาก
ผมได้กลับไปที่บ้านเชียง ตอนผมไปที่นั่นครั้งแรกคือเมื่อ ๔๓ ปีที่แล้ว ที่นั่นไม่มีไฟฟ้า ไม่มีชักโครก และถ้าอยากได้น้ำร้อน ต้องต้มเอาเองครับ เนื้อไก่ก็ราคาแพง และคุณต้องกินปลาตัวเล็กๆ จากบ่อน้ำ ในวันนี้ มีทั้ง ไฟฟ้า ชักโครก น้ำร้อน ตู้เอทีเอ็ม บ้านส่วนใหญ่มีอินเตอร์เน็ตใช้
สุทธิชัย หยุ่น- ไม่มีแม้แต่โทรศัพท์หรือครับ
ศ. ยัง – ไม่มีโทรศัพท์ครับ มีแต่วิทยุ ผมจำได้ว่า ผมมีวิทยุที่ต้องใส่ถ่าน คลื่นวิทยุที่ชัดที่สุดคือ ช่องคอมมิวนิสต์ของจีน กระจายเสียงโฆษณาชวนเชื่อจากเมืองจีน ผมจำได้ว่า นั่งอยู่ที่บ้านเชียงฟังคลื่นคอมมิวนิสต์จีน และมี ภาษาไทยด้วย
สุทธิชัย หยุ่น- คลื่นวิทยุจากกรุงปักกิ่งหรือครับ
ศ. ยัง – ครับ จากกรุงปักกิ่ง แต่ทุกวันนี้ที่บ้านเชียง มีโทรทัศน์ มีช่องต่างประเทศ คนมีมือถือใช้ ผู้หญิงท่านหนึ่งโทรหาผู้หญิงอีกคนหนึ่งเพื่อจัดการให้คนมารับผมที่สนามบิน นี่มันเป็นเป็นประเทศไทยสมัยใหม่ หลายสิ่งเปลี่ยนแปลงไป ในปี ๒๕๐๔ มีคุณพ่อของผม ผู้ยึดถือในพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และจอมพลสฤษดิ์ จอมพลสฤษดิ์ท่านเป็นเผด็จการทหาร เป็นคนแข็ง แต่ใส่ใจประชาชนโดยเฉพาะในภาคอีสาน อีกทั้ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงห่วงใยพสกนิกรในอีสาน รัฐบาลสมัยนั้นจึงริเริ่มมีโครงการต่างๆ ถนนหนทางที่บ้านเชียง เดี๋ยวนี้เป็นปูนนะครับ สมัยก่อนเป็นดินลูกรัง เมืองไทยทำอะไรไปเยอะมาก โดยเฉพาะคนกรุงเทพ ทำเยอะมาก ชนชั้นสูงในกรุงเทพนี่ครับ
และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผมคิดว่าพระองค์สมควรได้รับการยกย่องในสิ่งที่พระองค์ทรงทำเพื่อประเทศไทย ดังนั้น เมื่อผมได้ยินเรื่องแปลกๆ ที่ว่า ประเทศไทยไม่มีนั่น ไม่มีนี่ เมืองไทยต้องการการเปลี่ยนแปลง ปัญญาชนบางคนต้องการการปฏิวัติหรืออะไรแบบนั้น ผมคิดว่า มันบ้า ไร้สาระสำหรับผม
สุทธิชัย หยุ่น – ทำไมคุณถึงไม่ชอบใจที่จะมีการเปลี่ยนแปลง
ศ. ยัง – เป็นความรู้สึกของผมครับ ถ้าให้พูดตรงๆ ต้องย้อนกลับไปมอง ความทะเยอทะยานของ ผู้ชายคนหนึ่ง
สุทธิชัย หยุ่น- คุณทักษิณ หรือครับ
ศ.ยัง – ครับ คุณทักษิณ ซึ่งผมยังถามตัวเองอยู่ว่า ทำไมคนๆ นี้ถึงเป็น ภัยหายนะต่อประเทศไทย
สุทธิชัย หยุ่น- คุณรู้จักเขามาก่อนไหมครับ
ศ. ยัง- ไม่ครับ ผมเคยได้ยินแต่ชื่อเสียงเท่านั้น ครั้งแรกที่ผมได้ยินเรื่องเกี่ยวกับทักษิณ คือ ตอนที่เขาเริ่ม บริษัท ชินคอร์เปอเรชั่น สิ่งที่ผมได้ยินมาคือ ทักษิณ เป็นนายตำรวจใหญ่ ที่ได้รับสัญญาสัมปทานโทรศัพท์จากรัฐบาล หลังจากเกิดรัฐประหาร ตอนนี้ เมื่อมองย้อนกลับไปปี ๒๕๔๖ ราวๆ นั้น ผมถามตัวเองว่า คุณทักษิณได้สัญญาสัมปทานจากรัฐบาลมาอย่างไร เขาต้องทำอะไรบ้างถึงได้สัญญาจากรัฐบาล ผมสังเกตว่า คุณทักษิณ มีรายได้มากขึ้น รวยขึ้น ทั้งหมดเพราะเขามีใบอนุญาตจากรัฐบาล
สุทธิชัย หยุ่น – ระบบผูกขาดทางการตลาด
ศ.ยัง – ใช่ครับ ระบบผูกขาด ไม่ใช่ออกไปทำมาหากินแบบคนอื่น รัฐบาลเอื้อระบบผูกขาดให้แก่คุณทักษิณ รัฐบาลที่เป็นตัวแทนประชาชน ยกความเป็นบุคคลอภิสิทธิ์ให้กับคุณทักษิณ นี่คือ การปกครองโดยชนชั้นสูง เป็นการปกครองโดยคนรวยที่มีอภิสิทธิ์ ไม่ใช่คนๆ หนึ่งที่เริ่มต้นจากความยากจน และทำมาหากินจนได้ลืมตาอ้าปาก คุณทักษิณมีสายสัมพันธ์พิเศษต่างๆ และผมก็เห็นคุณทักษิณใช้สายสัมพันธ์พิเศษนั้นหลายต่อหลายครั้ง แต่ ผมไม่เคยเห็นสังคมไทยที่แตกแยกเท่านี้มาก่อน มีการแบ่งแยกในช่วง รัชกาลที่ ๔ และ รัชกาลที่ ๕ ก็ไม่รุนแรงขนาดนี้ การแบ่งแยกจากพวกคอมมิวนิสต์ และลัทธิคอมมิวนิสต์ก็ล่มสลายในประเทศไทย เพราะไม่สามารถทำให้คนไทยแตกแยกกันได้
คุณทักษิณทำให้คนไทยแตกแยกกัน และผมว่ามันน่าเศร้า แม้แต่ครอบครัวเพื่อนของผม ก็บ้านแตก พี่น้องบางคนเป็นเสื้อเหลือง บางคนเป็นเสื้อแดง และก็เกิดการแตกคอกันในครอบครัว คนครอบครัวเดียวกันทะเลาะกันเอง ผมจึงคิดว่า ...คำว่า “สบาย” มันหายไปไหน
สุทธิชัย หยุ่น – แต่คุณทักษิณอ้างว่า เขาเป็นคนเปลี่ยนโฉมหน้าการเมืองไทย เขาทำให้มหาชน คนต่างจังหวัดได้พูดเป็นครั้งแรก เป็นครั้งแรกที่คนต่างจังหวัดได้รับผลประโยชน์การจากเมือง มีกินมีใช้เพราะการเมือง
ศ.ยัง – ผมว่ามันไร้สาระนะครับ คนในชนบทก็มีคนอุปถัมภ์เขามาตลอดอยู่แล้ว และคนอุปถัมภ์เหล่านี้ก็มีอิทธิพลต่อคนกลุ่นนั้น กลุ่มนี้ พูดง่ายๆ คือ ผมนับถือคุณ คุณต้องดูแลผม คุณอุปถัมภ์ระดับจังหวัด และคุณก็สามารถเข้าถึงการอุปถัมภ์ในกรุงเทพได้ และ การจะเข้าถึงระบบในกรุงเทพได้ก็ต้องผ่านคุณ มันเป็นระบบที่มีมาตั้งนานแล้วครับ
ทักษิณหนีคดีอยู่ต่างประเทศ เขาต้องการอภัยโทษ อยากได้เงินคืน เขาไม่ต้องการถูกพิพากษา ถ้าคุณมองย้อนกลับไป ในอดีต ไม่มีผู้นำทางการเมืองของไทยคนไหน เป็นแบบนี้
สุทธิชัย หยุ่น – ย้อนกลับไปถึง คุณปรีดี หรือครับ
ศ.ยัง – ก่อนหน้านั้นด้วยครับ เมืองไทยเกิดปฏิวัติรัฐประหารปี ๒๔๗๕ และ สมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงกรมพระนครสวรรค์วรพินิต ซึ่งทรงเป็นเจ้าที่มีอำนาจมาก ได้ถูกทูลเชิญให้ออกนอกประเทศ ก็ทรงเสด็จออกนอกประเทศตามที่ทรงถูกเชิญ และสิ้นพระชมน์ในขณะลี้ภัย ไม่เคยได้กลับมาประเทศไทยอีกเลย ในกรณีพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ ทรงรับรู้ว่าจะมีเหตุการณ์ใหม่ๆ เกิดขึ้นและทรงสละราชสมบัติ ทรงเสด็จไปประเทศอังกฤษและเสด็จสวรรคตที่นั่น ในงานพระราชพิธิพระราชทานเพลิงพระบรมศพของพระองค์ท่าน ในปี ๒๔๘๔ ผมคิดว่ามีแค่ สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระชายาและ พระญาติอีกเพียงไม่กี่พระองค์เท่านั้น ท่านไม่เรียกร้องอะไรเลย ส่วน คุณปรีดี (พนมยงค์) เขารู้ถึงสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป เขาออกไปจากประเทศทันที พลเอกเผ่า (ศรียานนท์) นายตำรวจผู้มีอำนาจมาก ก็หลบหนีออกไปตอนที่จอมพลสฤษดิ์ยึดอำนาจ และไม่เคยได้กลับมาประเทศไทยอีกเลย ส่วน จอมพลสฤษดิ์ เมื่อถึงแก่กรรมก็มีการโต้เถียงกันเรื่องเงินที่ท่านได้มาขณะดำรงตำแหน่ง สุดท้ายรัฐบาลก็ยึดเงินนั้นกลับไป โดยที่ครอบครัวของท่านไม่โต้แย้งแต่อย่างใด ส่วนจอมพลถนอม (กิตติขจร) ก็สูญเสียเงินเช่นกัน และลี้ภัยไปนอกประเทศ ผมจึงยังถามตัวเองว่า ทำไมทักษิณจึงแตกต่างจากผู้นำเหล่านี้ ทำไมทักษิณไม่มีความคิดแบบไทย
สุทธิชัย หยุ่น- ทำไมครับ
ศ. ยัง – ผมคิดว่า ทักษิณไม่ใช่คนไทย แบบไทย เขามีความคิดอื่นอยู่ในหัว เขาไม่มีคำว่า “เกรงใจ” ทักษิณไม่คิดเรื่องบุญ-บาป เขาคิดแต่ว่า ทำอย่างไรจึงจะมีอำนาจ เขาต้องการเป็นนายใหญ่ เป็นหัวหน้าทุกคน การคิดแบบนี้ของทักษิณ สะท้อนให้เห็นเลยว่า เขาไม่คิดแบบคนไทยที่เป็นพุทธ หากแต่มีความคิดแบบ จักรพรรดิ์ของจีน ดังนั้น ทุกอย่างที่เขาทำ วิธีการบริหารรัฐบาล การโยกย้ายเงินไปทางโน้นที ทางนี้ที มันเหมือนเมื่อสมัย ๒,๐๐๐ ปีที่แล้ว ความคิดแบบนี้เลยครับ ความคิดที่ว่าคือ เหนือโลกมีสวรรค์ ถัดลงมาเป็นคนหนึ่งคน และถัดลงมาคือคนที่เหลือทั้งหมด ทักษิณต้องการคุมบังเหียนรัฐบาล ตำรวจ ทหาร ตุลาการ ภาคธุรกิจ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ นี่คือการทำให้ทุกอย่างอยู่ภายใต้อาณัติของทักษิณ ไม่มีคนไทยคนไหนในประวัติศาสตร์ที่เหิมเกริมทำเช่นนี้
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ไม่เคยทรงพยายามทำแบบนี้ รัชกาลที่ ๑ ไม่เคยทรงทำแบบนี้ นี่เป็นสิ่งใหม่และผิดแผกไปจากเดิม นี่จึงเป็นเหตุทำให้คนไทย แตกแยก เป็นสิ่งที่แทรกตัวเข้ามาโดยคุณทักษิณ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี