เผด็จการทรราชแค้น
ล้มศาลรธน.
ล่าชื่อถอดตุลาการฯ
พท.แถลงการณ์ถล่มแหลก
เหิมเกริมขู่แจ้งจับผิดม.112
ปปช.ไต่สวนฟันขี้ข้า‘แม้ว’
ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ
เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน พรรคเพื่อไทย (พท.) ได้ออกแถลงการณ์ 9 ข้อตอบโต้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในประเด็นที่มาของสว.มีกระบวนการไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญขัดมาตรา 68 โดยมีเนื้อหาสรุปว่า อำนาจการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นของสมาชิกรัฐสภา ศาลไม่มีอำนาจรับคำร้อง ศาลตีความขยายอำนาจของตนเอง อ้างหลักนิติธรรมอย่างลอยๆ ทั้งที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 3 คน เคยเป็นกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี’50
แถลงการณ์ของพรรคพท.ยังชี้ว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญยังถือว่าเป็นการใช้อำนาจเหนือรัฐธรรมนูญอย่างแท้จริงทั้งมาตรา 3และมาตรา 6 เป็นการแทรกแซงอำนาจนิติบัญญัติขัดต่อหลักการแบ่งแยกอำนาจในมาตรา 3 และมาตรา 89 ที่บัญญัติให้ “ประธานรัฐสภา ....ดำเนินกิจการของรัฐสภาในกรณีประชุมร่วมกันให้เป็นตามข้อบังคับ”
อ้างศาลละเมิดพระราชอำนาจ
นอกจากนี้ศาลรัฐธรรมนูญยังไม่มีอำนาจวินิจฉัยว่า ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมขัดต่อรัฐธรรมนูญเองหรือไม่เพราะหลังจากนายกรัฐมนตรีนำร่างรัฐธรรมนูญขึ้นทูลเกล้าฯแล้วขั้นตอนต่อไปจะเป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ว่าจะทรงเห็นชอบด้วยหรือไม่ จนกว่าจะพ้นเก้าสิบวัน และมิได้พระราชทานคืนมา การที่ศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องและวินิจฉัยเรื่องดังกล่าวโดยไม่มีอำนาจ ย่อมกระทบกระเทือนต่อการใช้พระราชอำนาจและการกระทำในพระปรมาภิไธย
อัดไม่ต่างจากรัฐประหารเงียบ
ในข้อสุดท้ายของแถลงการณ์ดังกล่าวยังได้อ้างถึงอำนาจหน้าที่ของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวจะดีหรือไม่ ถูกใจหรือไม่ เหมาะสมหรือไม่ ย่อมจะถูกตัดสินโดยประชาชนในการเลือกตั้ง และนี่ถือเป็นการใช้อำนาจอธิปไตยของปวงชน ศาลจะก้าวล่วงเข้าไปใช้อำนาจนี้แทนไม่ได้ มิเช่นนั้นก็จะเป็นการยึดอำนาจของประชาชนไปใช้เช่นเดียวกับการรัฐประหาร
ล่าชื่อถอดตลก.ล้มศาลรธน.
ต่อมานายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคพท. แถลงภายหลังการประชุมสส.ว่า คณะกรรมการยุทธศาสตร์ของพรรคมีมติว่าควรจะรอคำวินิจฉัยกลางจากทางตุลาการก่อน จากนั้น
จะร่วมหารือกับทาง ส.ส.-ส.ว.ทั้ง 312 คนเพื่อดำเนินคดีอาญาตามมาตรา 112 กับทางตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมากเพราะวินิจฉัยคดีก้าวล่วงการใช้พระราชอำนาจ
นอกจากนี้จะมีการเข้าชื่อของสส.เพื่อยื่นถอดถอนตุลาการเสียงข้างมากด้วย เนื่องจากกระทำการขัดมาตรา 68 รวมทั้งฟ้องข้อหาการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 คาดว่าจะหารือพรรคร่วมและสว.ในสัปดาห์หน้า
ดึงพรรคร่วม-สว.รุมกินโต๊ะ
นายชูศักดิ์ ศิรินิล หนึ่งในคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพท.กล่าวว่า จะรวบรวมเอกสารพยานหลักฐาน และหารือกับพรรคร่วมรัฐบาล และสว.ก่อนเพื่อความรอบคอบในการดำเนินคดี และตามรัฐธรรมนูญต่อไป
พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพท.กล่าวว่า สมมุติว่าหากตัดเสียงของตุลาการฯเสียงข้างมากที่เคยเป็นกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ปี 50 ออกทั้ง 3 คน ก็ทำให้เป็นเสียงข้างน้อยทันทีจากมติ 5 ต่อ 4 เสียง ก็จะเหลือ 2 ต่อ 4 เสียง คำวินิจฉัยก็จะเป็นคำวินิจฉัยของเสียงข้างน้อยทันที
เปิดรายชื่อตุลาการเสียงข้างมาก
ข่าวแจ้งว่า สำหรับตุลาการเสียงข้างมากที่วินิจฉัยว่ากระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญขัดบทบัญญัติ 6 ต่อ 3เสียงนั้นประกอบด้วย นายจรูญ อินทจาร นายจรัญ ภักดีธนากุล นายนุรักษ์ มาประณีต นายบุญส่ง กุลบุปผา นายสุพจน์ ไข่มุกด์ และนายทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ ส่วนเสียงข้างน้อย ประกอบด้วย นายเฉลิมพล เอกอุรุ , นายชัช ชลวร และนายอุดมศักดิ์ นิติมนตรี
ขณะที่มติเสียง 5 ต่อ 4 ที่เห็นการขัดมาตรา 68นั้น ประกอบด้วย นายจรูญ อินทจารนายจรัญ ภักดีธนากุล นายนุรักษ์ มาประณีต นายสุพจน์ ไข่มุกด์ และนายทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ ส่วนเสียงข้างน้อย ประกอบด้วย นายเฉลิมพล เอกอุรุ นายชัช ชลวร และนายอุดมศักดิ์ นิติมนตรี และนายบุญส่ง กุลบุปผา
รบ.ขอทูลเกล้าฯถวายคืนร่าง
ด้านร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงขั้นตอนของการถอนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ทูลเกล้าฯไปแล้วว่า “อ๋อ อันนั้นก็ถือว่าจะเป็นการโมฆะไปเองอยู่แล้วเท่าที่ทราบทางสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี(ครม.) จะขอทูลเกล้าฯ ถวายคืนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญจากสำนักพระราชวัง
ปชป.ลุยล่าชื่อถอดถอน-ฟันอาญา
ส่วนความเคลื่อไหวของฝ่ายค้านนั้น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า วิปฝ่ายค้านจะหารือว่าจะดำเนินการอย่างไรกับสมาชิกรัฐสภา 312 คนและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องว่าผู้ใดจะต้องรับผิดชอบอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะการยื่นถอดถอนและการดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา ที่มีการทูลเกล้าเอกสารเท็จ ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนในสัปดาห์หน้า
จับตารื้อทั้งฉบับปลุกผีนิรโทษ
ผู้สื่อข่าวถามว่านายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช.จะเสนอให้พรรคเพื่อไทยเดินหน้าโหวตวาระ 3 การแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 เพื่อแก้ไขทั้งฉบับ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ร่างนี้ยังค้างอยู่ในสภา ถ้าจะพยายามดำเนินการจริงก็สะท้อนให้เห็นว่ามีความพยายามล้างผิดคดีทุจริต มีเป้าหมายนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 309 เพื่อล้างการดำเนินคดีของ คตส. แสดงให้เห็นว่าการนิรโทษกรรมยังไม่หยุดดำเนินการ
ปชป.เชื่อเป้าใหญ่ล้างผิดให้ทักษิณ
ด้านนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กล่าวว่า การเสนอให้นำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ขึ้นมาลงมติในวาระ 3 นั้น เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงเป้าหมายหลักที่แท้จริงเพราะต้องการจะทำให้มีสสร. ขึ้นมาแก้ไขร่างรัฐธรรนูญทั้งฉบับ และจะได้ล้างมาตรา 309 เพื่อที่จะล้างผิดให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และได้ทรัพย์สินคืน
ฟันยกเข่งฐานกบฎผิดม.112
นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ทีมกฎหมายพรรคปชป. กล่าวว่า ในวันที่ 22 พ.ย. จะมีการประชุม ส.ส.พรรค ซึ่งจะหารือถึงการดำเนินการกับ ส.ส.- ส.ว.หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยแล้ว ซึ่งจะทำให้มีความชัดเจนว่าใครจะโชคดีถูกฟ้องร้องในข้อหากบฏบ้าง แต่ในบรรดา 312 ส.ส.-ส.ว. ที่ปฏิเสธอำนาจศาลนั้น ผิดข้อหากบฏแล้วแน่นอน ตามกฎหมายอาญามาตรา116
“คนเดียวที่เข้าข่ายทำผิดมาตรา 112 คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมเพราะมีหลายฝ่ายเตือนว่าให้ชะลอการยื่นทูลเกล้าฯ เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยก่อน แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กลับดึงดันนำขึ้นทูลเกล้า”นายวิรัตน์กล่าว
40สว. ยื่นป.ป.ช.ฟัน312ขี้ข้าแม้ว
สำหรับความเคลื่อนไหวของกลุ่ม 40 สว. นำโดยนายวันชัย สอนศิริ นายประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา เปิดแถลงว่า วันที่ 22พ.ย. กลุ่ม 40ส.ว.จะเดินทางไปสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เพื่อยื่นเรื่องคำร้องดำเนินการถอดถอน ส.ส.-ส.ว. 312 คน ที่เสนอและเห็นชอบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพราะเพราะคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ชี้ว่าขัดมาตรา 68 นั้นคือใบเสร็จที่เชื่อถือว่าได้กระทำความผิดแล้ว ยืนยันว่าคนที่เกี่ยวข้องจะต้องถูกดำเนินคดีแบบยกเข่งสุดซอย
ชี้กระทบร่างแก้ไขอีกสองฉบับ
ด้านนายประสาร กล่าวว่าการดำเนินการดังกล่าวไม่ใช่การล้างแค้นหรือคำนึงถึงประโยชน์ส่วนตัว แต่ต้องการรักษานิติรัฐ นิติธรรม และต้องการให้เกิดความสำนึกและรับผิดชอบของรัฐบาล ซึ่งจากคำวินิจฉัยดังกล่าว มีผลถึงร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ อีก 2 ฉบับ คือมาตรา 190 และ มาตรา 68 ประกอบมาตรา 237 ที่อยู่ในกระบวนการเดียวกัน และอยู่ในข่ายที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้ว
วิปวุฒินัดถก51ส.ว.กำหนดท่าที
นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ส.ว.ชลบุรี ในฐานะเลขาธิการกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) เผยว่า ในวันที่ 25 พ.ย. นี้ กลุ่มส.ว.ที่สนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประมาณ 51 คน จะหารืออย่างไม่เป็นทางการเกี่ยวกับกรอบของคำวินิจฉัย โดยไม่เกี่ยวกับการกำหนดแนวทางที่จะมีการปฏิเสธรับกรอบอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ
กลับลำยอมรับอำนาจศาลได้
นายสมชาติ พรรณพัฒน์ ส.ว.นครปฐม และนายประวัติ ทองสมบูรณ์ ส.ว.มหาสารคาม ออกมาให้สัมภาษณ์สอดคล้องกันว่า เดิมที่ได้มีการแถลงปฏิเสธรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ นั้นเพราะมีการประเมินว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยให้ยุบพรรคเพื่อไทย และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของ สส. และ ส.ว. แต่เมื่อคำวินิจฉัยไม่ได้เป็นไปตามที่มีการประเมิน ถือว่าเป็นสิ่งที่ยอมรับได้
“รังสิมา”จี้นายกฯรับผิดชอบ
วันเดียวกันมีการประชุมสภาผู้แทนราษฏร โดยน.ส.รังสิมา รอดรัศมี สส.สมุทรสงคราม พรรคปชป.ตั้งกระทู้ถามสดเรื่อง ความรับผิดชอบของนายกรัฐมนตรีและผู้ที่เกี่ยวข้อง ต่อผลคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เรื่องร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มาของสว.โดยเฉพาะนายกฯได้กระทำการระคายเคืองเบื้องพระยุคคลบาท รวมทั้งกรณีมีข่าวว่าพรรคพท.จะแก้ไขมาตรา 291จริงหรือไม่
พงษ์เทพอ้างปูไม่ได้ทำผิดกม.
ทั้งนี้นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงแทนนายกฯอ้างว่า นายกฯไม่ได้ทำอะไรฝ่าฝืนกฎหมายเพราะได้ทำตามขั้นตอนของรัฐธรรมนูญตามมาตรา 291(7) ที่ต้องนำร่างขึ้นทูลเกล้าฯภายใน 20 วันหลังจากรัฐสภาลงมติให้ความเห็นชอบวาระ 3 ซึ่งนายกฯไม่สามารถทำอย่างอื่นได้
“นริศร”โต้ไม่ได้เสียบบัตรแทน
ขณะที่นายนริศร ทองธิราช ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย ขอใช้สิทธิถูกพาดพิงชี้แจงว่า ตนไม่ได้รับการติดต่อให้ไปให้การหรือไต่สวนใดๆ และด้วยข้อเท็จจริงไม่ทราบว่า ผู้ที่กดบัตรแทนกันเป็นใคร แต่ไม่ใช่ตน เพราะไม่มีพยานหลักฐานยืนยัน
ปปช.รับลูกตั้งกก.ชุดใหญ่ไต่สวน
ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)นายประสาท พงษ์ศิวาภัย และนายวิชัย วิวิตเสวี กรรมการ(ป.ป.ช.) ได้ร่วมแถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการปปช.ว่า ที่ประชุมได้มีมติให้กรรมการป.ป.ช.ทั้งคณะเป็นองค์คณะไต่สวนข้อเท็จ
จริงกรณีถอดถอนนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา นายนิคม ไวรัชพานิช รองประธานรัฐสภา และสส.-สว.จำนวนอีก 308 คนที่ร่วมเข้าชื่อเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเนื่องจากเป็นการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบและกระทำขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ
หนาว!นำคำวินิจฉัยมาพิจารณา
ทั้งนี้ที่ประชุมปปช.ยังได้มติให้รวมสำนวนทั้งหมดที่ร้องมา 5 สำนวนรวมไว้เป็นสำนวนเดียวกันเพื่อพิจารณาไต่สวนดังกล่าว โดยมีนายวิชา มหาคุณ นายใจเด็ด พรไชยา นายภักดี โพธิศิริ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นกรรมการผู้รับผิดชอบสำนวน โดยปปช.จะนำคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 20 พ.ย.มาเป็นพื้นฐานส่วนหนึ่งในการไต่สวน เพราะถือว่าเป็นเรื่องในทำนองเดียวกัน
“ขุนค้อน”ทำใจอะไรจะเกิดก็เกิด
ส่วนนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา กล่าว ตนจะเรียกประชุมฝ่ายกฎหมายรัฐสภา หากมีการชี้แจงก็จะมอบให้ฝ่ายกฎหมายไปชี้แจง ไม่รู้สึกกังวลทำไม อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ยืนยันว่าดำเนินการทุกอย่างถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ และข้อบังคับ และยืนยันว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจรับคำร้องไว้พิจารณา เพราะไม่มีกฎหมายใดรองรับเรื่องนี้
โยนฝ่ายธุรการแก้ไขร่างรธน.
เมื่อถามว่ามีการกล่าวหาว่าปลอมแปลงเอกสารร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่การปลอมแปลงเอกสาร แต่เป็นเรื่องที่ฝ่ายธุรการที่ปรับปรุงแก้ไขถ้อยคำเช่น มาตรา 11/1 เปลี่ยนเป็นมาตรา12 เนื้อหายังคงเดิม ไม่ได้เขียนถ้อยคำเพิ่ม แต่ปรับปรุงให้เหมาะสม ประเด็นนี้หารือกับฝ่ายกฎหมายรัฐสภาเรียบร้อยแล้ว
คปท.ร้องปปช.ฟัน312ยกเข่ง
ก่อนหน้านี้นายอุทัย ยอดมณี ผู้ประสานงานกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) เข้ายื่นหนังสือต่อป.ป.ช.เพื่อขอให้เอาผิดกับกับนายกฯประธานสภาฯ ประธานวุฒิสภา และสส.-สว.จำนวน 310 คน ที่เข้าชื่อเสนอแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญประเด็นที่มา สว.โดยอ้างว่าเป็นการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบและกระทำขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี