มหากาพย์คดีทุจริตโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน
เป็นกรณีศึกษาของโครงการโคตรโกง
มีทั้งเรื่องทุจริตฉ้อโกงกรณีการซื้อที่ดิน 1,900 ล้านบาท และฉ้อโกงกรณีสัญญาจ้างก่อสร้างโครงการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสีย มูลค่า 23,000 ล้านบาท
1.เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2561 ศาลแขวงดุสิต อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ 254/2547 ที่กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องกลุ่มเอกชนและอดีตนักการเมืองชื่อดังเป็นจำเลย อาทิ นายพิษณุ ชวนะนันท์ กรรมการบริษัทวิจิตรภัณฑ์ก่อสร้าง, นายสังวรณ์ ลิปตพัลลภ กรรมการบริษัทประยูรวิศว์การช่าง, นายรอยอิศราพร ชุตาภา กรรมการบริษัทเกตเวย์ดิเวลลอปเมนท์, บริษัท คลองด่านมารีน แอนด์ ฟิชเชอรี่, บริษัท ปาล์ม บีช ดิเวลลอปเมนท์, นายวัฒนา อัศวเหม อดีต รมช.มหาดไทย ฯลฯ
ศาลชั้นต้น พิพากษา เมื่อวันที่ 12 พ.ย.2552 ว่าจำเลยกระทำผิดจริง จำคุกคนละ 3 ปี
ศาลอุทธรณ์พิพากษา เมื่อวันที่ 19 พ.ย.2556 ยกฟ้องจำเลยทั้งหมด
ปรากฏว่า ศาลฎีกาพิพากษาว่า การกระทำของจำเลยทั้งหมด กระทำผิดตามฟ้อง
การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษ โดยสรุป คือ
นายพิษณุ ชวนะนันท์ กรรมการบริษัทวิจิตรภัณฑ์ก่อสร้าง จำเลยที่ 3 และนายรอยอิศราพร ชุตาภา กรรมการบริษัทเกตเวย์ดิเวลลอปเมนท์ จำเลยที่ 11 จำคุก คนละ 6 ปี ใน 2 กระทง ฐานร่วมกันฉ้อโกงการซื้อที่ดิน 1.9 พันล้านบาท และฉ้อโกงสัญญาจ้างก่อสร้างโครงการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสีย มูลค่า 2.3 หมื่นล้านบาท
ส่วนนายชาลี ชุตาภา กรรมการบริษัทคลองด่านมารีนฯ จำเลยที่ 13,นายประพาส ตีระสงกรานต์ กรรมการบริษัทคลองด่านมารีนฯ จำเลยที่ 14,นายชยณัฐ โอสถานุเคราะห์ กรรมการบริษัทคลองด่านมารีนฯ ที่ 15, นางบุญศรี ปิ่นขยัน กรรมการบริษัท ปาล์ม บีชฯ ที่ 17, นายกว๊อกวา โอเยงสัญชาติฮ่องกง ในฐานะผู้แทนบริษัท ปาล์ม บีชฯ ที่ 18 และนายวัฒนา อัศวเหม อดีต รมช.มหาดไทย (หนีคดีตั้งแต่ปี 2552) ที่ 19 ให้ลงโทษจำคุกคนละ 3 ปี ฐานร่วมกันฉ้อโกงกรณีการจัดซื้อที่ดิน
ส่วนนายสังวรณ์ ลิปตพัลลภ กรรมการบริษัทประยูรวิศว์การช่าง จำเลยที่ 5, นายสิโรจน์ วงศ์สิโรจน์กุล กรรมการบริษัทสี่แสงการโยธา จำเลยที่ 7, นายนิพนธ์ โกศัยพลกุล กรรมการบริษัทกรุงธนเอนยิเนียร์ จำเลยที่ 9 ให้ลงโทษจำคุกคนละ 3 ปี ฐานร่วมกันฉ้อโกงกรณีสัญญาการก่อสร้าง
สำหรับตัวบริษัท ก็ให้ลงโทษปรับตามกฎหมาย รายละ 6,000-12,000 บาท
2.รายงานข่าวระบุว่า จำเลยที่ถูกตัดสินจำคุก 11 คน ถูกนำตัวไปคุมขังในเรือนจำ 5 คน ได้แก่ นายพิษณุ ชวนะนันท์, นายสังวรณ์ ลิปตพัลลภ, นายนิพนธ์ โกศัยพลกุล, นายประพาส ตีระสงกรานต์ และนางบุญศรี ปิ่นขยัน
จำเลย 4 คน ไม่มาศาล ศาลให้ออกหมายจับ ได้แก่ นายรอยอิศราพร ชุตาภา นายชาลี ชุตาภา นายชยณัฐ โอสถานุเคราะห์ และนายวัฒนา อัศวเหม
ส่วนนายสิโรจน์ วงศ์สิโรจน์กุล ไม่มาศาล อ้างว่ารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ขอเลื่อนอ่านคำพิพากษา แต่ศาลเห็นว่ามีลักษณะประวิงคดี กรณีไม่มีเหตุให้เลื่อน (พิพากษาจำคุก 3 ปี) ออกหมายจับ
อีกคนที่ไม่มาศาล คือ นายกว๊อกวา โอเยง สัญชาติฮ่องกง ในฐานะผู้แทนบริษัท ปาล์ม บีชฯ จำเลยที่ 18 พฤติการณ์เชื่อว่าจะหลบหนี จึงให้ออกหมายจับ เพื่อฟังคำพิพากษาในวันที่ 22 ส.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
3.สิ่งที่ภาครัฐควรดำเนินการหลังจากนี้ คือ นำคำพิพากษาศาลฎีกาไปดำเนินการเพื่อล้างบางกรณีโคตรโกงคลองด่านอย่างถอนรากถอนโคนในทุกมิติ ทุกคดีที่เหลืออยู่
นายณกฤช เศวตนันทน์ อดีตทนายความของกรมควบคุมมลพิษ ฝ่ายโจทก์ ให้สัมภาษณ์ในรายการนิวหมายข่าว ช่องนิวทีวี 18 ระบุว่า ควรต้องดำเนินการใน 3 ส่วนสำคัญ ได้แก่
3.1 ฟ้องร้องในทางแพ่งเพื่อเรียกค่าเสียหายตามผลของคำพิพากษาในทางอาญา ซึ่งมูลค่าความเสียหายประมาณ 23,000 ล้านบาท เพื่อจะได้เงินคืนแผ่นดินจากผู้กระทำผิดทุกคน
3.2 นำคำพิพากษาศาลฎีกาไปใช้เป็นประโยชน์ในคดีค่าโง่หมื่นล้านบาท ซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด
3.3 นำคำพิพากษาศาลฎีกาไปใช้ประโยชน์ในการดำเนินคดียึดทรัพย์ ที่ ปปง.ได้มีการอายัดเงินของจำเลยบางรายและผู้ที่ได้รับเงินจากการจ่ายของทางราชการไปก่อนหน้านี้ ซึ่งทาง ปปง.ได้ฟ้องต่อศาลแพ่ง ขอให้ทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดิน
4.คดีโคตรโกงคลองด่าน ที่ศาลฎีกาพิพากษาไปนี้ ถือเป็นคดีประวัติศาสตร์ของมหากาพย์ทุจริตคลองด่าน
เป็นคดีหลักอีกคดีหนึ่ง ก่อนที่จะคดีแตกแขนงแยกย่อยออกไปหลายคดี ขึ้นหลายศาล ตามตัวประเด็นความผิดและตัวบทกฎหมาย เช่น คดีค่าโง่ที่ศาลปกครอง, คดีทุจริตประพฤติมิชอบของนายวัฒนา อัศวเหม, คดีทุจริตประพฤติมิชอบของข้าราชการกรมควบคุมมลพิษ ฯลฯ
คำพิพากษาของศาลฎีกาในคดีนี้ จึงมีความสำคัญอย่างที่สุด
คำพิพากษาของศาลฎีกาที่ออกมานั้น สอดคล้องกับคำพิพากษาของคดีอื่นๆ ที่ออกมาก่อนหน้านี้
ล้วนบ่งชี้ข้อเท็จจริงไปในทางเดียวกัน ว่ามีนักการเมืองโกง ข้าราชการกับเอกชนช่วยกันโกง ทำให้ประเทศชาติเสียหายมหาศาล
ปัจจุบัน บ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่านยังเป็นบ่อรกร้าง เป็นอนุสรณ์สถานของการโกงกินอยู่เลย
5.หวังว่า รัฐบาล คสช. นำโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเดินหน้ากวาดล้าง ขุดรากถอนโคนขบวนการทุจริตคลองด่านเสียให้สิ้นซากต่อไป ดังที่กระทรวงยุติธรรมในยุคพลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา ได้ลุกขึ้นมาดำเนินการต่อสู้คดีโคตรโกงคลองด่านอย่างเอาจริงเอาจัง ตรงไปตรงมา จนกระทั่งฝ่ายรัฐสามารถกลับมามีความหวัง และได้รับชัยชนะในที่สุด โดยใช้กฎหมายปกติในการดำเนินการทั้งหมด
ถือเป็นผลงานโบแดงของรัฐบาล คสช. ภายใต้การนำของบิ๊กตู่
น่าเสียดาย อีกหลายกรณีที่ดูจะเอาจริงเอาจัง ในยุคที่พลเอกไพบูลย์เป็นรัฐมนตรียุติธรรม แต่กลับเลือนๆ เงียบๆ ช้าๆ ไป ในยุคนี้ อาทิ คดีธรรมกาย คดีฟอกเงินกรุงไทย ฯลฯ
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี