พวก “ชังชาติ” มีอยู่จริง…
ทดสอบง่ายๆ คือ พวกที่จะเป็นจะตายเมื่อเห็นความสำเร็จในการควบคุมโควิด-19 ของประเทศไทย ได้รับการชื่นชมยกย่องจากนานาประเทศ พวกนี้อดรนทนไม่ไหว ก็จะพยายามไปหาข้อมูลมั่วๆ มาจากไหนก็ได้ที่พยายามนำเสนอว่าประเทศไทยทำได้ไม่ดี ไม่สำเร็จ หรืออยู่รั้งท้ายของโลก
แล้วคนพวกนี้ ก็จะรู้สึกมีความสุข กับการได้รับรู้และเผยแพร่แม้แต่ข้อมูลมั่วๆ ว่าประเทศไทยต่ำต้อยมาก
ถ้าใครมีพฤติกรรมแบบนี้ คือ พวกชังชาติ
1. เฟซบุ๊คเพจดังบางเพจ ที่เป็นแห่งรวมแฟนคลับของพรรคอนาคตใหม่ได้นำเสนออินโฟกราฟิก อันดับประเทศที่ปลอดภัยจากโควิด-19 มากที่สุดหลังระบาดมานานกว่า 5 เดือน โดยอ้างรายงานจาก Deep Knowledge Group จัดอันดับประเทศออกเป็น 4 กลุ่ม โดย Tier 1 คือประเทศที่รับมือกับโควิด-19 ได้ดี ไล่เลียงไปถึง Tier 4 ไม่ดี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเทศในลาติน อเมริกา และแอฟริกา
รายงานนี้ ให้สวิตเซอร์แลนด์ปลอดภัยดีที่สุด ตามมาด้วยเยอรมนี อิสราเอล สิงคโปร์ และญี่ปุ่น
ส่วนประเทศไทย ได้รับการจัดให้อยู่ในอันดับที่ 47 อยู่ใน Tier 3 ร่วมกับอิตาลี สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร รวมถึงบราซิล
แน่นอนว่า แฟนคลับบางส่วนก็เอาข้อมูลนี้มาใช้อ้างอิงในการก่นด่าประเทศไทย รัฐบาลไทย ระบบสาธารณสุขของไทย เสียๆ หายๆ จนเป็นที่สาแก่ใจกัน
ในทางตรงกันข้าม สำนักข่าว States Times Review ออกมาชี้ว่า ข้อมูลจากองค์กร “Deep Knowledge Group” เป็นข้อมูลการสำรวจที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ หรือ “Fake survey” โดยระบุว่า “DKG” จัดอันดับให้สิงคโปร์นำหน้า นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย ไต้หวัน ทั้งๆ ที่ สิงคโปร์มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นวันละหลายร้อยคน และสิงคโปร์มีผู้ติดเชื้อสะสมมากกว่า 39,000 ราย แต่สิงคโปร์กลับได้อันดับที่ดีกว่านิวซีแลนด์ที่มีผู้ติดเชื้อสะสม 1,504 ราย ออสเตรเลีย 7,290 ราย และไต้หวัน 443 ราย ซึ่งทั้งนิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย และไต้หวันมีผู้ติดเชื้อน้อยกว่าสิงคโปร์มากๆ แต่ทั้งสามประเทศนี้กลับถูกจัดอันดับให้ตามหลังสิงคโปร์
สำนักข่าว THE TIME OF ISRAEL ก็ออกมาชี้ว่า ข้อมูลสำรวจของ“DKG” ไม่มีความน่าเชื่อถือ ทั้งๆ ที่ประเทศอิสราเอลมีผู้ติดเชื้อมากกว่า 18,000 ราย แต่ “DKG” กลับจัดอันดับให้ประเทศอิสราเอลอยู่อันดับที่ 3 ซึ่งเป็นอันดับที่ดีกว่านิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย และไต้หวัน ทั้งๆ ที่ มีผู้ติดเชื้อน้อยกว่าอิสราเอลมากๆ
ศาสตราจารย์ Yitzhak Ben-Israel จากมหาวิทยาลัยเทลอาวีฟ (Tel Aviv University) ของอิสราเอล ถึงกับระบุว่า ข้อมูลการจัดอันดับของ “DKG” ถือว่าเป็น “เจ้าแม่แห่งวงการข่าวปลอม” หรือ “The mother of fake news”
2. พฤติกรรมข้างต้น ไม่ลืมหูลืมตาดูเลย ว่าข้อมูลข้อเท็จจริงอันเป็นผลลัพธ์ของประเทศไทย เมื่อเทียบกับทุกประเทศในโลกนี้แล้ว เป็นอย่างไร?
เอาง่ายๆ ลองเอาข้อมูลผลลัพธ์ของการแก้ปัญหาติดบอร์ด โดยไม่บอกว่าเป็นข้อมูลของประเทศไหน เช่น
จำนวนผู้ติดเชื้อเมื่อเทียบกับประชากรหนึ่งล้านคน
หรือจำนวนคนตายเมื่อเทียบกับประชากรหนึ่งล้านคน
หรือจำนวนคนรักษาหายเมื่อเทียบกับผู้ติดเชื้อในประเทศนั้นๆ ฯลฯ
ลองเอาข้อมูลของประเทศ A B C D E … มาวางเรียงๆ กัน
แล้วให้ชี้ว่า ข้อมูลของประเทศไหนมีผลลัพธ์ดีสุด เจ๋งสุด เก่งสุด
เมื่อเลือกหยิบขึ้นมาแล้ว ค่อยเฉลยชื่อประเทศออกมา จะพบว่า ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด จะเป็นข้อมูลผลลัพธ์ของประเทศไทย ติดอันดับต้นๆ ของโลกอย่างแน่นอน
3. ขณะเดียวกัน พวกชังชาติก็จะเป็นจะตายกับข้อมูลจาก Global COVID-19 Index หรือ GCI
จัดอันดับประเทศที่มีการฟื้นตัวจากโควิด-19 (Ranking of Countries by Recovery Index) จากทั้งหมด 184 ประเทศ ปรากฏว่า ประเทศไทยอยู่อันดับที่ 2 ของโลก รองจากประเทศออสเตรเลียเท่านั้น
โดยเป็นที่ 1 ของเอเชีย
การจัดอันดับ GCI พัฒนาโดย PEMADU Assciates ด้วยความร่วมมือกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และนวัตกรรม (MOSTI) ประเทศมาเลเซีย และ กลุ่ม sunway ใช้ระบบการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ จัดคะแนนดัชนีและจัดอันดับ 184 ประเทศ ว่าแต่ละประเทศรับมือกับโรคระบาด COVID-19 ได้ดีมากน้อยเพียงใด
โดยคะแนน 70% คิดมาจาก 2 ส่วน ได้แก่ 1.จำนวนผู้ติดเชื้อต่อจำนวนประชากรทั้งหมด โดยพารามิเตอร์นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเทียบกับขนาดของแต่ละประเทศในการคำนวณค่าคะแนน และ 2. สัดส่วนการเสียชีวิตจากโควิด-19 โดยพารามิเตอร์นี้จะพิจารณาถึงอัตราการตายอย่างคร่าวๆ ของแต่ละประเทศ และพิจารณาขนาดของประชากรแล้วเปรียบเทียบกับอัตราการตายเนื่องจาก COVID-19 นับตั้งแต่มีรายงานผู้ป่วยติดเชื้อรายแรกในประเทศ โดยค่านี้จะให้ภาพสะท้อนที่แท้จริงว่าอัตราการเสียชีวิตที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ของแต่ละประเทศได้อย่างแม่นยำ
ส่วนที่เหลืออีก 30% ประกอบด้วยคะแนนคงที่ที่ได้มาจากดัชนีความมั่นคงด้านสุขภาพโลก (GHS) ซึ่งริเริ่มโดยมหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์ ที่ได้รับทุนจากมูลนิธิบิลและเมลินดาเกตส์ โดย GHS ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อประเมินความพร้อมของประเทศในการรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 นอกจากนี้
20 อันดับแรก ได้แก่ 1. ออสเตรเลีย 2. ไทย 3. เดนมาร์ก 4. ฮ่องกง 5. ไต้หวัน 6. นิวซีแลนด์ 7. เกาหลีใต้ 8. ลิทัวเนีย 9. ไอซ์แลนด์ 10. สโลวีเนีย 11. ลัตเวีย 12. สวิตเซอร์แลนด์ 13. เวียดนาม 14. มาเลเซีย 15. นอร์เวย์ 16. สโลวาเกีย 17. เยอรมนี 18. ออสเตรีย 19. ลักเซมเบิร์ก 20. ฟินแลนด์
4. ล่าสุด สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ได้เผยแพร่ข้อมูลผ่านหน้าแฟนเพจชี้ให้เห็นสถานะของแต่ละประเทศ โดยสะท้อนจากข้อมูลข้อเท็จจริงอันเป็นผลลัพธ์ในปัจจุบัน
ระบุว่า สรุปสถานะของแต่ละประเทศตามระยะของสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 จากข้อมูลการติดเชื้อ ข้อมูล ณ วันที่ 14 มิถุนายน 2563
“1. ประเทศที่ยังอยู่ในระยะการระบาด กราฟยังชัน ยังไม่ถึงจุดสูงสุดของการระบาดหรือกำลังอยู่ในระยะของการระบาดสูงสุด ส่วนใหญ่อยู่ในทวีปอเมริกาใต้ ลาตินอเมริกา เอเชียใต้ และตะวันออกกลาง เช่น บราซิล เม็กซิโก ชิลี เปรู แอฟริกาใต้ รัสเซีย อินเดีย บังกลาเทศ ปากีสถาน และอาจจะรวมถึงอิหร่าน และอินโดนีเซีย
2. ประเทศที่ยังใช้แนวทางปล่อยให้คนติดเชื้อจำนวนมาก เช่น สวีเดน
3. ประเทศที่ควบคุมการระบาดได้ แต่ยังไม่พ้นระยะการระบาด เช่น ฟิลิปปินส์ สเปน ตุรกี อิตาลี สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร มาเลเซีย
4. ประเทศที่พ้นการระบาดรอบที่หนึ่งแล้ว เช่น จีน ไทย เยอรมนี สโลวีเนีย นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย ไอซ์แลนด์
5. ประเทศที่เกิดการติดเชื้อในระยะที่สองแต่ยังควบคุมได้ เช่น เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สิงคโปร์
6. ประเทศ/เขตเศรษฐกิจที่ไม่เกิดการระบาดใหญ่ เช่น ฮ่องกง ไต้หวัน เวียดนาม ลาว
ประเทศไทยอยู่ในกลุ่มประเทศที่ถือว่าควบคุมการระบาดได้ดี และผ่านพ้นการระบาดในรอบที่หนึ่งแล้ว โดยไม่มีผู้ติดเชื้อจากภายในประเทศติดต่อกันมากกว่าสองสัปดาห์แล้ว โดยได้มีมาตรการในการผ่อนคลายแล้ว 3 ระยะ และจะเริ่มมาตรการผ่อนคลายระยะที่ 4 ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2563 ซึ่งจะต้องดูแลป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ระบาดรอบที่สอง” - ประมวลข้อมูลโดยศูนย์ปฏิบัติการด้านนวัตกรรมการแพทย์ และการวิจัยและพัฒนาสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
นี่คือการตอกย้ำความสำเร็จของประเทศไทย ยืนยันด้วยข้อมูลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์
ไม่ว่าใครจะรักหรือจะเกลียดรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ แต่ก็ควรรู้จักแยกแยะความจริง กับความต้องการส่วนตัวที่อยากจะทับถมด้อยค่าด่ารัฐบาล ไม่ไปมั่วๆ เอาข้อมูลที่ไร้มาตรฐานมาใส่ร้ายกล่าวหาเพียงเพื่อความสะใจ
ช่างน่าสมเพชคนที่อ้างตัวว่าเป็นคนรุ่นใหม่ เสรีนิยม ที่นิยมวิธีการต่ำช้าแบบนี้
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี