วันพฤหัสบดี ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2556, 02.00 น.
หากถามว่าอะไรคือกระแสข่าวที่ร้อนแรงที่สุด ณ เวลานี้ เชื่อว่าเกือบทุกคนคงต้องตอบว่า..การที่รัฐบาลพยายามผลักดันร่าง พรบ.นิรโทษกรรม ซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตจากหลายฝ่ายว่ามีเนื้อหาช่วยเหลือผู้กระทำผิดร้ายแรงในหลายกรณี ทั้งความผิดฐานทุจริตคอร์รัปชั่น และความผิดต่อสถาบันเบื้องสูง ทำให้เกิดกระแสต่อต้านขึ้น ที่เห็นได้ชัดคือกลุ่ม “กองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ” ได้เปิดเผยรายชื่อนายทหาร-ตำรวจอาวุโสที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว ที่มีแนวคิดสนับสนุนการเคลื่อนไหวดังกล่าวให้สาธารณชนได้ทราบ
เป็นที่น่าสังเกตว่าการมีส่วนร่วมของบรรดา “พลังคนสูงวัย” ไม่ได้มีแต่นายทหาร-ตำรวจชั้นผู้ใหญ่เท่านั้น แต่ในทุกๆ การชุมนุม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มการเมืองสีใด ฝั่งใด ผู้ชุมนุมที่ดูแข็งขันและมีส่วนร่วมอย่างเห็นได้ชัด ก็คือผู้สูงอายุเหล่านี้
ทั้งการนั่งฟังการปราศรัยของแกนนำอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย การไปเป็นอาสาสมัครในบางส่วน เช่นฝ่ายเสบียงอาหาร หรือบางท่านก็ยินดีเดินนำหน้า เสี่ยงกับอันตรายจากการบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เมื่อต้องปะทะกับเจ้าหน้าที่รัฐหรือมวลชนฝ่ายตรงข้าม
“สกู๊ปแนวหน้า” ได้เกาะติดเวที “ผ่าความจริง” ที่จัดโดยพรรคประชาธิปัตย์ ณ บริเวณใต้ทางด่วนอุรุพงษ์ ตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 6 ส.ค.56 ถึงเช้าตรู่วันที่ 7 ส.ค.56 ก่อนที่จะมีการเดินขบวนไปส่งบรรดา ส.ส.ปชป. ที่รัฐสภา แต่ถึงมีปราศรัยกันแบบโต้รุ่ง เราก็ยังพบว่า มีลุงๆ ป้าๆ หลายราย นั่งฟังอยู่อย่างตั้งใจ ไม่ได้ทิ้งเวทีไปไหนตลอดทั้งคืน!
“มาถึงตั้งแต่ 4 โมงครึ่ง ก็ไม่ได้นอนเลย ได้ฟังครบทุกคนเลย” เป็นเสียงจาก ป้าวรรณ อายุ 63 ปี อดีตพนักงานธนาคาร ที่มาจับจองพื้นที่หน้าเวทีตั้งแต่บ่ายแก่ๆ ของวันที่ 6 ส.ค. และก็นั่งฟังการปราศรัยของแกนนำพรรคครบทุกคน โดยเดินทางมาจากย่านปัฐวิกรณ์ นอกจากนี้ยังบอกอีกว่า ตนนั้นเป็นแฟนตัวจริงของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะก่อนหน้านี้ ก็ไปร่วมเวทีผ่าความจริงในพื้นที่อื่นๆ มาแล้วอย่างต่อเนื่อง
เมื่อถามว่าจะเดินขบวนไปยังเขตแดนพื้นที่ประกาศ พรบ.ความมั่นคง หรือไม่? ป้าวรรณตอบว่าไปแน่นอนอย่างไม่ลังเล และไม่กลัวหากจะต้องเผชิญกับแก๊สน้ำตา อาวุธปราบจลาจลยอดนิยมของตำรวจ เนื่องจากเตรียมตัวมาดี พร้อมทั้งโชว์ผ้าคาดปาก-จมูก และเกลือ ซึ่งเธอบอกว่าสามารถใช้ป้องกันแก๊สน้ำตาได้
รายที่สองที่เราพบ คือ ป้าดล หญิงวัย 66 ปี เดิมเป็นชาว จ.ศรีสะเกษ แต่ย้ายมาอยู่ กทม. ตั้งแต่ พ.ศ.2512 ยึดอาชีพพยาบาลจนถึงวันเกษียณอายุการทำงาน แน่นอนเธอเป็นแฟนช่องทีวีดาวเทียมอย่าง Blue Sky Channel และไปเข้าร่วมมาแล้วในหลายพื้นที่ ทั้ง กทม. สิงห์บุรี ปราจีนบุรี เป็นต้น กล่าวว่า หากการเดินไปส่ง ส.ส. ยังพื้นที่ประกาศ พรบ.มั่นคง จะสุ่มเสี่ยงต่อการปะทะกับเจ้าหน้าที่รัฐ ก็ไม่เป็นไร เพราะที่ผ่านมาก็เตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้ว ทั้งนี้รู้สึกท้ออยู่บ้าง เพราะไม่ค่อยจะเห็นเด็กๆ คนรุ่นใหม่ ออกมาร่วมชุมนุมมากนัก
“ก็เด็กๆ เดี๋ยวนี้มันไม่ค่อยออกมากัน คนแก่ก็ต้องออกมา” ป้าดล กล่าว
ถัดมาเป็นคิวของ ลุงมั่น อายุ 73 ปี อดีตข้าราชการที่ลาออกไปทำอาชีพส่วนตัวก่อนเกษียณ เนื่องจากเบื่อหน่ายกับวัฒนธรรมองค์กรที่เต็มไปด้วยการคอร์รัปชั่นและเล่นพรรคเล่นพวก รายนี้อาจจะไม่ใช่แฟนประจำของพรรคประชาธิปัตย์ หากแต่เป็นคนที่ต่อต้าน “ระบอบทักษิณ” มาโดยตลอด เรียกว่าทั้งม็อบพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (เสื้อเหลือง) , กลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม (ม็อบเสธ.อ้าย) และล่าสุดกับกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ ที่เปิดเวทีคู่ขนาน ณ สวนลุมพินี ลุงมั่นก็ไปมาแล้วทั้งสิ้น ก่อนจะมาที่เวทีผ่าความจริงของ ปชป. แห่งนี้
“ยอมรับไม่ได้ คอร์รัปชั่นทุกอย่าง นายกฯ ไม่เคยคุมลูกน้องให้ไปถูกทิศถูกทางเลย ตกลงแล้วเป็นนายกฯ ของประเทศไทย หรือเป็นนายกฯ ของคนเสื้อแดงกันแน่”
ลุงมั่น ตั้งคำถาม แต่เมื่อเราถามถึงการเดินขบวนที่เสี่ยงกับการปะทะกับเจ้าหน้าที่ ลุงมั่นก็บอกว่าที่ผ่านมายังไม่เคยเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ดังกล่าว แต่ถ้าครั้งนี้จะต้องเจอก็ไม่เป็นไร เพราะอายุก็มากแล้ว ไม่มีอะไรต้องห่วงอีก
“ผมไม่พอใจตั้งแต่ตอนที่ทักษิณบริหารประเทศแล้ว หลอกลวงคนมาตลอด คนที่ไม่รู้เท่าทันก็คิดว่าทักษิณนั้นเหมือนเทพเจ้ามาสร้างความเจริญ คือส่วนหนึ่งเขาสร้าง แต่อีกส่วนที่เป็นส่วนใหญ่เขามุบมิบ แต่ที่ทนไม่ได้ คือที่เกี่ยวกับสถาบันเบื้องสูง”
เป็นความอึดอัดในใจของ ลุงสละ ชายวัย 65 ปี อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่ง ที่วันนี้เดินทางไกลมาจาก จ.จันทบุรี เพื่อมาร่วมเวทีผ่าความจริงของ ปชป. โดยเฉพาะ เนื่องจากต้องทนมานาน ถึงพฤติกรรมการใช้เงินซื้อทุกอย่างของอดีตนายกฯ ณ นครดูไบ รวมถึงการปล่อยให้ลูกสมุนบางราย แสดงความคิดเห็นจาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบันเบื้องสูงที่คนไทยเคารพรัก
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าครั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจคงไม่กล้าลงมือเกินกว่าเหตุกับผู้ชุมนุม เนื่องจากเหตุความวุ่นวายทางการเมืองตลอด 7-8 ปีมานี้ นับวันก็ยิ่งได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนต่างประเทศ เท่ากับว่าวันนี้สายตาคนทั่วโลกจับจ้องมาที่ตำรวจ และรัฐบาลที่เป็นผู้บังคับบัญชาของตำรวจอีกทอดหนึ่ง ว่าจะปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชน ในแง่ของเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ ตามที่เที่ยวเดินสายบอกใครต่อใครว่าตนเป็นนักประชาธิปไตยหรือไม่?
ปิดท้ายด้วย น้ายุทธ อายุ 56 ปี หนุ่มใหญ่ชาวนครศรีธรรมราช ปัจจุบันค้าขายเล็กๆ น้อย ใน กทม. รายนี้บอกว่าเป็นแฟนประจำของพรรคประชาธิปัตย์ เรียกว่าเหนียวแน่นมาก เพราะเวทีผ่าความจริงใน กทม. และจังหวัดใกล้เคียง ไม่เคยพลาด แน่นอน..รับไม่ได้กับอภิมหาโครงการที่ส่อไปในทางทุจริตของรัฐบาล “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” ส่วนการชุมนุมที่ผ่านมา เคยไปมาบ้าง แต่ก็ไม่เคยต้องปะทะกับเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งนี้ยอมรับว่าหากต้องปะทะก็รู้สึกกลัว แต่เมื่อถึงเวลานั้น หากจำเป็นก็ต้องสู้
“มีแต่คอร์รัปชั่น ปัญหาปากท้องไม่ช่วยแก้ไขเลย ไม่ดูแลเลย”
หนุ่มใหญ่จากแดนใต้ ระบายความรู้สึกทิ้งท้าย ทำให้เห็นได้ว่า คนสูงวัยมักจะมีความพยายามในการเข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมืองโดยตลอด และอาจจะมีความเหนียวแน่นกับขั้วการเมืองของตน ยิ่งกว่าคนหนุ่มสาวเสียอีก ทั้งที่ตามหลักการแล้ว คนหนุ่มสาวน่าจะเป็นคนไฟแรง และมีสภาพร่างกายและจิตใจที่พร้อมจะเคลื่อนไหวทางการเมืองมากกว่า แต่กลับกลายเป็นว่าคนรุ่นใหม่กลับไม่ค่อยสนใจการเมือง จึงมีแต่คนรุ่นเก่าเท่านั้นที่พร้อมจะแสดงออกทางจุดยืนด้านการเมืองของตน
ล่าสุดกับการเคลื่อนขบวนไปส่ง ส.ส. ของมวลชน ปชป. ที่มีมวลชนจากกองทัพประชาชนฯ เข้าร่วมด้วย แม้จะเกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจบ้าง แต่ไม่มีใครได้รับอันตรายรุนแรงมากนัก และเหตุการณ์ก็จบลงด้วยดี เนื่องจาก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ ปชป. ขอให้ประชาชนเดินทางกลับบ้านไปก่อน และให้รอจนกว่า พรบ.ปรองดอง-นิรโทษกรรม จะผ่านวาระ 3 ก็จะมีการระดมมวลชนกันอีกครั้ง
ถึงเวลานั้น..เหล่าผู้เฒ่าทั้งหลาย ก็คงต้องออกมาต่อสู้ตามเคย
SCOOP@NAEWNA.COM