ก่อนอื่นขอกล่าวสวัสดีปีใหม่ท่านผู้อ่านทุกท่านนะครับ ผมหวังว่าในปี 2563 นี้จะเป็นปีที่สถานการณ์การทุจริตคอร์รัปชันของประเทศเราดีขึ้นครับ ในช่วงนี้ไปไหนมาไหนก็จะได้ยินหลายคนตั้งปณิธานปีใหม่ (หรือที่เรียกกันว่า New Year’s resolution)เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตในปีใหม่นี้นะครับ ผมจึงขอเสนอปณิธานในปีใหม่นี้สำหรับการทำงานต่อต้านคอร์รัปชันครับ โดยปณิธานในปีใหม่สำหรับต่อต้านคอร์รัปชันที่ผมเสนอมีดังนี้คือ

1. หน่วยงานที่มีหน้าที่ติดตามตรวจสอบปราบปรามเรื่องคอร์รัปชันต้องทำงานอย่างเป็นอิสระ มีประสิทธิภาพ ยุติธรรม รวดเร็ว และต้องโปร่งใสยิ่งขึ้น ดังจะเห็นได้ว่าองค์กรที่ทำหน้าที่ติดตามตรวจสอบปราบปรามเรื่องคอร์รัปชันในรอบปีที่ผ่านมานั้น พบกับวิกฤติศรัทธาของประชาชน กล่าวคือประชาชนไม่ได้ให้ความเชื่อมั่นในการทำงาน ในการแจ้งเบาะแสข้อมูล โดยมีหลายเหตุการณ์ที่ค้านกับความรู้สึกและเป็นที่สงสัยของสังคม การปฏิบัติงานที่ล่าช้าและไม่แจ้งความคืบหน้าเมื่อประชาชนได้ร้องเรียน ฯลฯ หน่วยงานที่ทำงานด้านนี้จึงต้องพัฒนาระบบธรรมาภิบาลภายในองค์กรมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว โปร่งใส ตรวจสอบได้ และมีความสามารถในการชี้แจงให้สังคมได้เข้าใจเรื่องต่างๆ ไปในทิศทางที่เป็นกลาง รวมถึงเป็นอิสระต่อผู้มีอำนาจที่ถูกตรวจสอบอย่างแท้จริง หากปล่อยไว้ในแบบปัจจุบัน จะเป็นสิ่งที่อันตรายต่อสังคมเพราะประชาชนทั่วไปจะขาดความเชื่อมั่น และยอมจำนนต่อการคอร์รัปชัน จะเห็นได้จากบางครั้งแม้ประชาชนมีหลักฐานพร้อมมัดตัวก็ไม่ไปแจ้งกับหน่วยงานที่ทำหน้าที่รับผิดชอบ ซ้ำร้ายบางคนยังเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในขบวนการคอร์รัปชันเสียเองด้วย

2.ผู้ที่กระทำความผิดควรแสดงความรับผิดชอบ หลายท่านคงเคยได้ยินข่าวนักการเมืองหรือผู้บริหารองค์กรในต่างประเทศประกาศลาออกจากตำแหน่ง หลังถูกกล่าวหาและมีหลักฐานชัดเจนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชันอยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะญี่ปุ่น แม้ว่าคดียังไม่เป็นที่สิ้นสุด หรือบางกรณีก็เป็นเรื่องเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นั่นก็เพื่อสร้างบรรทัดฐานการแสดงความรับผิดชอบที่ดีของผู้นำประเทศและองค์กร และเพื่อให้การสืบสวนสอบสวนเป็นไปอย่างโปร่งใส่และยุติธรรม หากต่อมาพบว่าไม่ผิดตามกล่าวหาก็ยังสามารถกลับมารับหน้าที่ทำงานตามเดิมได้

3.เลิกยอมแพ้กับสภาพสังคมปัจจุบัน และฝากความหวังไว้กับคนรุ่นใหม่อย่างเดียว จริงอยู่ที่คนรุ่นใหม่เป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมไปข้างหน้า กอปรกับการแก้ปัญหาคอร์รัปชันไม่ใช่สิ่งที่ง่ายนัก หลายท่านจึงยอมจำนนให้กับการคอร์รัปชัน และหันไปฝากความหวังไว้กับคนรุ่นใหม่อย่างเดียว แต่หากกลไกต่างๆ ทางสังคมยังหล่อหลอมให้คนรุ่นใหม่ต้องทำการคอร์รัปชันในชีวิตประจำวัน อย่างเช่น ต้องจ่ายสินบนเวลาติดต่อราชการ ในการพิจารณาเลื่อนตำแหน่ง ในการส่งออกและนำเข้าสินค้า ฯลฯ สิ่งที่ปลูกฝังกันมาจะเป็นผลได้อย่างไร เรื่องนี้คนที่เป็น “ผู้ใหญ่”จึงไม่ควรนิ่งนอนใจ ไม่ทำอะไร และสั่งสอนฝากฝังคนรุ่นใหม่อย่างเดียว ในขณะเดียวกัน คนรุ่นใหม่ก็ควรต้องเรียนรู้จากตำรา และทำความเข้าใจสภาพสังคม รวมทั้งไม่ยอมจำนนต่อปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันด้วย มิเช่นนั้น คงจะต้องส่งต่อให้คนรุ่นใหม่กว่าไปเรื่อยๆ ไม่มีวันหมดสิ้น

4. ช่วยกันทำตามกำลัง ปัญหาคอร์รัปชันอาจจะถูกมองว่าเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับบางคน เพราะอาจจะนึกไม่ออกว่าจะเข้ามาร่วมมือแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้อย่างไร แท้จริงแล้วการแก้ไขปัญหาสังคมต่างๆ มีช่องทาง วิธีการที่สามารถเข้ามามีส่วนร่วมได้อย่างหลากหลายตามหน้าที่และกำลังที่แต่ละคนมี ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนด้านความรู้ความสามารถเพื่อเข้ามาร่วมแก้ปัญหา การสนับสนุนด้านเวลาเพื่อเข้าร่วมเป็นจิตอาสาในการทำกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง การสนับสนุนข้อมูลร่วมเป็นหูเป็นตาในการร่วมตรวจสอบการทำงานของภาครัฐ การสนับสนุนด้านงบประมาณในการดำเนินงานต่อต้านคอร์รัปชันของภาคประชาสังคม หรือแม้แต่การเผยแพร่กิจกรรม ความรู้ด้านการต่อต้านคอร์รัปชันผ่านทางสังคมออนไลน์ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ก็นับเป็นการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันด้วยกันทั้งสิ้น

5.สร้าง พัฒนา และใช้กลไกทางสังคมที่มี เพื่อเปิดโอกาสให้เกิดการมีส่วนร่วมทั้งจากประชาชนและองค์กรต่างๆ การแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชันในประเทศไทยให้สำเร็จได้นั้น จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือ ร่วมใจ จากทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และที่สำคัญที่สุดนั่นประชาชน โดยที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่ามีการเริ่มสร้างกลไกการมีส่วนร่วมสำหรับประชาชน ตั้งแต่การให้ความรู้ในสถานศึกษาและโครงการต่างๆ ทั่วไป การเปิดร่วมติดตามตรวจสอบการทำงานและการใช้งบประมาณของรัฐบาลผ่านเว็บไซต์ภาษีไปไหน และฐานข้อมูล ACT Ai ที่มีจัดเก็บข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐไว้ทั้งหมดให้ค้นหาได้โดยง่าย รวมทั้งการเปิดช่องทางรับเรื่องร้องเรียนการทุจริตคอร์รัปชันที่ประชาชนพบเห็น ไม่ว่าจะเป็นเพจปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน เพจต้องแฉ กลุ่มนักข่าวประจำจังหวัด และยังมีชมรมต่อต้านการทุจริตในพื้นที่ต่างๆ ที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นพลังขับเคลื่อนจากภาคประชาชนในการใช้สื่อให้เกิดประโยชน์ หากเราสามารถพัฒนากลไก และสร้างความร่วมมือในการทำงานร่วมกันเพื่อจุดมุ่งหมายในการแก้ปัญหาคอร์รัปชันให้เกิดขึ้นอย่างเป็นระบบ และมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องแล้ว เชื่อได้ว่าปัญหาคอร์รัปชันจะค่อย ๆ น้อยลงและหมดไปในที่สุดได้อย่างแน่นอน ซึ่งจุดสำคัญที่สุดคือกลไกเหล่านี้ต้องง่ายต่อการใช้มากที่สุด เพื่อให้มีคนเข้าร่วมจำนวนมาก

ปณิธานปีใหม่ที่เสนอนี้ หากพวกเราทุกคนในสังคมช่วยกันทำได้ ความฝันที่สังคมไทยจะไร้คอร์รัปชันในสักวันคงไม่ได้ยากอย่างที่คิดครับ ก่อนจบบทความขอมอบกลอนนี้ให้ทุกท่านด้วยครับ ขออวยพรให้ทุกท่านประสบความสุขในปีใหม่นี้ สวัสดีปีใหม่ครับ

สวัสดีปี 2563 ขอให้ตามคนโกงอย่าให้หาย

เข้ากระบวนยุติธรรมครบทุกราย ตัดสินได้ถูกต้องตามหลักการ

ฝั่งคนทำหากผิดให้ยอมรับ คนจะนับให้เป็นบรรทัดฐาน

สังคมเราจะดีได้ในไม่นาน พราะมีการรับผิดชอบสิ่งที่ทำ

หากไม่ผิดอย่ากลัวถูกตรวจสอบ ชี้แจงให้รอบคอบอย่าถลำ

ฝั่งตรวจสอบตั้งใจรีบเร่งทำ เป็นประจำให้ประจักษ์แก่สังคม

ควรเลิกทิ้งภาระให้เด็กๆ เพราะยังเล็กหากเห็นสิ่งไม่เหมาะสม

ต่อให้สอนทุกคาบก็เหมือนลม สังคมบ่มให้เป็นคนไม่ดี

ผู้ใหญ่ต้องทำดีให้เด็กเห็น เด็กจะเป็นคนดีมีศักดิ์ศรี

สร้างและเสริมกลไกแห่งความดี เป็นหน้าที่ที่ผู้ใหญ่ควรนำพา

จงอย่าสิ้นความหวังและยอมแพ้ ช่วยกันแก้ตามกำลังกันเถิดหนา

รู้เบาะแสก็ช่วยแจ้งกันมา มีทีมหมา (เฝ้าบ้าน) อีกทีม ป.ป.ช.

หรือจะส่งเข้าที่เพจต้องแฉ ช่วยกันแชร์เรื่องราวก็ได้หนอ

ช่วยสนับสนุนทุนได้ไม่ต้องรอ เพื่อได้ต่อกำลังคนทำงาน

หากกลไกความดีนั้นบังเกิด คงจะเปิดโอกาสมหาศาล

คนทำดีกล้าสู้กับคนพาล คงไม่นานภัยโกงจะพ้นไป

ขออวยพรสู้โกงจงสำเร็จ ทำงานเสร็จรู้วิธีสิ้นสงสัย

ขอทุกคนร่วมกันสู้อย่างตั้งใจ เพื่อคนไทยได้มีสุขตลอดปี