ทุกท่านเคยได้ยินกันไหมคะ ว่าเทศกาลปีใหม่นั้นเป็นสัญลักษณ์แห่ง การเริ่มต้น และ การละทิ้ง ถือเป็นช่วงเวลาดีๆที่จะทบทวนตนเองในปีที่ผ่านมา และปล่อยวางเรื่องไม่สบายใจไว้กับปีเก่า เราจึงมักจะต้อนรับปีใหม่ด้วยความยินดีความหวัง และคำอวยพรมากมายให้กับตนเองและผู้อื่น หลายท่านใช้ช่วงเวลานี้เป็นวินาทีแห่งการระลึกถึงเพื่อส่งต่อมิตรภาพและสานสัมพันธ์ หรือเป็นการให้อภัยและให้โอกาสในการเริ่มต้นใหม่ ดังนั้น คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เทศกาลปีใหม่ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งช่วงเวลาสำหรับส่งความรู้สึกต่อกัน และสานสัมพันธ์กับผู้อื่นอีกด้วย
หากเป็นเช่นนั้น ผู้อ่านทุกท่านเคยส่งต่อความรู้สึกในเทศกาลปีใหม่อย่างไรกันบ้างคะ? ผู้เขียนขอเดาเลยว่าคงเป็นการกล่าวทักทาย แสดงความยินดี และอวยพรเพื่อความเป็นสิริมงคล หรืออาจเพิ่มความพิเศษมากขึ้นไปหน่อย ด้วยการมอบ ของขวัญ เพื่อเป็นสิ่งแทนใจในการส่งต่อความรู้สึกที่ดีเป็นแน่
ในสังคมไทยของเรา มีการใช้เทศกาลวันปีใหม่เป็นสัญลักษณ์ของการระลึกถึงและส่งต่อความรู้สึกถึงกันมาอย่างยาวนาน เราสามารถเห็นรูปแบบวิธีมากมายที่ใช้
ส่งต่อความรู้สึกถึงกันในวันปีใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับญาติผู้ใหญ่ บุคคลที่เราให้ความสำคัญ หรือบุคคลที่เราให้การเคารพนับถือ ผนวกกับวาทกรรมความมีน้ำใจและความกตัญญูอันเป็นพฤติกรรมพื้นฐานที่ถูกปลูกฝังกันมาช้านานของคนไทย จนถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่พบเห็นได้เสมอ ราวกับว่าเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของสังคม
การให้และรับของขวัญสามารถเกิดขึ้นได้หลากหลายวิธีและบุคคล ของขวัญอาจถูกส่งต่อระหว่างบุคคลถึงบุคคล บุคคลถึงหน่วยงาน หรือหน่วยงานถึงหน่วยงานก็เป็นได้ แม้ว่าการให้และรับของขวัญในวันเทศกาลนี้จะเป็นเจตนาที่ดี แต่อีกแง่หนึ่งก็สามารถเป็นหนึ่งปัจจัยที่เป็นช่องว่างให้เกิดความไม่โปร่งใส และนำมาซึ่งการทุจริตคอร์รัปชั่นได้เช่นกัน
น่าตกใจไหมคะที่ธรรมเนียมดีงามในการส่งต่อความรู้สึกเนื่องในวันเทศกาลของสังคมนั้น สามารถกลับกลายเป็นช่องว่างของการทุจริตไปเสียได้? หากเป็นเช่นนั้นแล้ว ทุกท่านคิดว่า “การให้และรับของขวัญ” ใดบ้างที่สามารถสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดการทุจริตคอร์รัปชันได้?ผู้เขียนขอยกตัวอย่างกลุ่มความสัมพันธ์ที่อาจเกิดแรงจูงใจในการทุจริตจากผลของการให้และรับของขวัญ โดยแบ่งกลุ่มความสัมพันธ์ออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่ การให้และรับของขวัญระหว่าง 1) ภาคเอกชน และภาครัฐที่ต้องใช้ใบอนุญาต การอนุมัติ หรือการรับรองต่างๆ เพื่อประกอบธุรกิจ2) หน่วยงานภาครัฐด้วยกันเอง ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการกำกับดูแล ตรวจสอบ และอนุมัติงบประมาณ และ3) บุคคลที่มีความสัมพันธ์ในฐานะเจ้านาย-ลูกน้องซึ่งมีอำนาจในการตัดสินใจเลื่อนขั้น พิจารณาตำแหน่ง หรือโยกย้าย
เนื่องจาก ของขวัญ ถือเป็นของกำนัลพิเศษที่สามารถก่อให้เกิดความรู้สึกประทับใจและสัมพันธไมตรีจึงอาจกลายเป็นเครื่องมือสร้างแรงจูงใจที่เข้าข่ายของ สินบน-สินน้ำใจ ผ่านการให้ทรัพย์สินหรือผลประโยชน์เพื่อมุ่งหวังการเอื้อประโยชน์จากการใช้อำนาจของผู้รับในอนาคต ในด้านของผู้รับเองก็สามารถเกิดความรู้สึกของความปรองดอง ความเป็นพวกพ้อง หรือเป็นการติดหนี้บุญคุณระหว่างกัน ดังนั้นความรู้สึกที่เกิดขึ้นจากเจตนาที่ดีนี้จึงสามารถนำไปสู่ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ หรือที่เราเรียกกันว่า Conflict of Interests ที่นำมาซึ่งความไม่เท่าเทียมในการตัดสินใจ และการเลือกปฏิบัติซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของความไม่โปร่งใส และการทุจริตคอร์รัปชัน
จากช่องว่างของการให้และรับของขวัญในวันเทศกาล ทำให้องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือที่เรารู้จักกันในนามของ ACT ได้ปลุกระดมกระแสของการงดรับของขวัญในช่วงเทศกาล โดยยกแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการงดรับของขวัญในหน่วยงานภาคเอกชนของต่างประเทศมาประยุกต์ใช้ในบริบทของหน่วยงานไทย และทำการรณรงค์นโยบาย No Gift Policy ขึ้น เมื่อราว 4-5 ปีก่อน พร้อมทั้งขอความร่วมมือไปยังหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานเอกชนขนาดใหญ่หลายแห่ง เพื่อร่วมป้องกันความไม่โปร่งใสจากการให้และรับของขวัญในช่วงเทศกาลซึ่งจากแรงขับเคลื่อนและการสนับสนุนจากหลายองค์กรหน่วยงาน ทำให้นโยบาย No Gift Policy ถือกำเนิดขึ้นอย่างเป็นทางการ และมีแนวทางระบุไว้อย่างชัดเจนในแผนปฏิรูปประเทศฉบับปรับปรุง ปี พ.ศ. 2564
นอกจากนี้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่รัฐและบุคลากรภายในองค์กรมีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น หน่วยงานต่างๆ ได้ยึดแนวปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตราที่ 128 มากำหนดใช้ โดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับ การห้ามให้เจ้าหน้าที่รัฐรับของขวัญ ใดๆ ที่สามารถคำนวณเป็นเงินได้จากผู้อื่นหากมีความจำเป็นที่จะต้องรับไว้เพื่อรักษาความสัมพันธ์ ของนั้นก็ต้องเป็นของทั่วไปที่มีมูลค่าไม่เกิน 3,000 บาท โดยผู้รับจะต้องแจ้งรายละเอียดต่อหัวหน้าหน่วยราชการภายใน 30 วัน เพื่อทำการพิจารณาต่อไปว่าเหมาะสมที่จะรับไว้หรือไม่ (ป.ป.ช., 2563)
ทาง HAND Social Enterprise ได้ให้ความสำคัญในประเด็นดังกล่าว จึงได้ทำการสืบค้นและเก็บรวบรวมประกาศจากหน่วยงานภาครัฐระดับกระทรวงในประเทศไทยผ่านช่องทางสื่อต่าง ๆ และศึกษาวิเคราะห์ผลจากการเก็บรวบรวมเครื่องมือ กลไก ต้านการทุจริตคอร์รัปชันในประเทศไทย ภายใต้ โครงการมีดีต้องแชร์
ร่วมกับคณะกรรมการเสริมสร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วม ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ พบว่านโยบาย No Gift Policy ถูกใช้ในหน่วยงานภาครัฐระดับกระทรวงทุกหน่วยงาน รวมทั้งหน่วยงานภายใต้สังกัด รัฐวิสาหกิจ และองค์กรอิสระอีกหลายแห่ง ซึ่งนอกเหนือจากการประกาศใช้นโยบายดังกล่าวเพื่อป้องกันการทุจริตคอร์รัปชั่นแล้ว หลายหน่วยงานยังจัดทำสื่อเพื่อประชาสัมพันธ์และให้ความรู้แก่ประชาชนผู้ใช้บริการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวอีกด้วย
แม้ทิศทางของนโยบาย No Gift Policy จะทำให้เราเห็นภาพความหวังของการทุจริตคอร์รัปชันที่เกิดจากความขัดแย้งทางผลประโยชน์ซึ่งเป็นผลพวงจากการให้และรับของขวัญที่ลดลง แต่การนำนโยบายนี้มาประกาศใช้ ก็ยังเป็นที่ถกเถียงและถูกตั้งคำถามอีกมากมายถึงความเป็นไปได้และความเหมาะสมในการนำมาปฏิบัติจริง เนื่องจากประเด็นของการให้และรับของขวัญอาจไม่ได้เกิดขึ้นในช่วงวันสำคัญหรือเทศกาลเท่านั้น และนโยบายดังกล่าวถือเป็นการลดทอนคุณค่าทางวัฒนธรรมอันดีงามของสังคมหรือไม่หากธรรมเนียมปฏิบัตินี้จะถูกลด ละ เลิก และค่อยๆ สูญสิ้นจากสังคมไทยไปในวันหนึ่ง
ส่งท้ายปีเก่านี้ผู้เขียนจึงอยากชวนให้ผู้อ่านทุกท่าน ย้อนดูพฤติกรรมการให้และรับของขวัญที่เกิดขึ้นในสังคมไทย ทุกท่านเคยพบเห็นหรือมีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการส่งต่อความรู้สึกในช่วงเทศกาลนี้บ้างหรือไม่ และท่านมีความคิดเห็นอย่างไรต่อนโยบาย No Gift Policy ร่วมแลกเปลี่ยนกับเราได้ทางเพจเฟซบุ๊ค HAND SocialEnterprise เพราะแม้เรื่องการให้และรับของขวัญในวันเทศกาลนั้นจะดูเป็นเรื่องเล็กที่เรามองข้ามไป แต่การลดช่องว่างของชิ้นส่วนที่อาจก่อให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชันนั้นอาจกลายเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในอนาคต
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี